เอแบคโพล์ เสนอ “พื้นที่ภัยพิบัติเป็นเขตปฏิรูปเศรษฐกิจพิเศษ” มาตรการเยียวยาชัดเจน
เอแบคโพล์ชี้คนกรุงเกินครึ่งมีเวลาหนีภัยน้ำไม่ถึงสัปดาห์ ร้อยละ 93 ขอให้หน่วยงานรัฐหยุดทะเลาะกันเอง ร้อยละ 63 ขอให้บอกความจริงประชาชน ร้อยละ 63 ต้องการคความช่วยเหลือการเงินหลังน้ำลด ด้านความช่วยเหลือทหารนำโด่งโดนใจผู้ประสบภัย ส่วน สายด่วน ศปภ.1111 ได้คะแนนพอใจโหล่สุด
ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง “เสียงสะท้อนของผู้ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมต่อผู้เข้าให้ความช่วยเหลือ” กรณีศึกษา 1,478 ตัวอย่างในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ระหว่าง 1 – 5 พ.ย. 54 ว่าร้อยละ 53.2 มีเวลาเตรียมตัวรับมือกับปัญหาน้ำท่วมน้อยกว่า 1 สัปดาห์ ร้อยละ 32.2 มีเวลาตั้งแต่ 1 สัปดาห์ขึ้นไป ที่น่าเป็นห่วงคือร้อยละ 14.6 เป็นกลุ่มคนที่ไม่มีเวลาเตรียมตัวเลย
เมื่อจัด 5 อันดับแรกความพอใจของผู้ประสบภัยต่อศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์และสายด่วนต่างๆ เฉพาะคนที่เคยโทร เมื่อคะแนนเต็ม 10 พบว่า อันดับที่ 1 ได้แก่ สายด่วนบริการแพทย์ฉุกเฉิน 1669 ได้ 6.83 คะแนน อันดับที่สอง ได้แก่ สายด่วนรถไฟแห่งประเทศไทย 1690 ได้ 5.86 อันดับที่สามได้แก่ สายด่วนแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย 191 ได้ 5.83 คะแนน อันดับที่สี่ได้แก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โทร 1129 ได้ 5.75 ในขณะที่ ศูนย์ ศปภ. โทร 1111 กด 5 ได้เพียง 5.51 เท่านั้น โดยปัญหาที่ค้นพบคือ โทรแล้วสายไม่ว่าง ถ้าโทรติดก็ไม่มีคนรับสาย หรือเมื่อมีคนรับสายมีแต่รับเรื่องไว้โดยไม่มีการดำเนินการช่วยเหลืออะไร หรือถ้ามีก็ล่าช้ามากและสายเกินไป
ความช่วยเหลือจาก “ทหาร” ได้คะแนนความพึงพอใจของประชาชนผู้ประสบภัยพิบัติ ได้ 9.56 คะแนน ในขณะที่ “ตำรวจ” ได้รับความพึงพอใจมากขึ้นจากอันดับที่ 8 มาเป็นอันดับที่สี่ได้ 9.05 คะแนน รองจากกลุ่มอาสาสมัครและสื่อมวลชนได้ 9.10 และ 9.08 คะแนน ตามลำดับ ที่น่าพิจารณาคือ กรุงเทพมหานครและรัฐบาลได้รับความพึงพอใจจากประชาชนไม่แตกต่างกันคือ ได้ 8.34 กับ 8.30 คะแนน รองๆ ลงไปได้แก่ ดารานักร้องนักแสดง กรมชลประทาน ฝ่ายค้าน และผู้แทนราษฎร ส.ส. สก. และสข.
ที่น่าเป็นห่วงคือความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัยพิบัติในเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น แต่รายได้หรือเงินเดือนเท่าเดิมในช่วงวิกฤตน้ำท่วมขณะนี้ พบว่าร้อยละ 72.6 เดือดร้อนเรื่องราคาอาหาร ร้อยละ 65.7 ระบุราคาน้ำดื่ม รองๆลงไปคือยารักษาโรค ค่าโดยสารเรือ กระสอบทราย อิฐบล็อก ปูน ค่าเช่าที่พักอาศัย คอนโดมิเนี่ยม โรงแรม อพาร์ทเมนท์ ถังน้ำ ที่จอดรถ เรือ เสื้อชูชีพ เป็นต้น
สำหรับเสียงสะท้อนของผู้ที่อยู่ในศูนย์พักพิง ร้อยละ 66.3 อยากให้ทำฐานข้อมูลช่วยเหลือด้านการเงินหลังน้ำลด ร้อยละ 47.1 อยากให้ปรับปรุงเรื่องห้องน้ำ ร้อยละ 43.4 ให้แก้ไขเรื่องความปลอดภัย นอกจากนี้เป็นเรื่องทำฐานข้อมูลช่วยเหลือด้านที่ทำกินร้อยละ 42.6 และร้อยละ 41.5 ระบุการฝึกวิชาชีพ และรองๆ ลงไป คือ จัดระบบงานภายในศูนย์พักพิงให้ยุติธรรมไม่เลือกปฏิบัติ ให้มีแพทย์เข้ามาดูแล มีกิจกรรมนันทนาการ สอนหนังสือเด็ก และจัดเตรียมระบบรถรับส่งกลับบ้าน
สิ่งที่อยากได้เป็นของขวัญปีใหม่จากรัฐบาลหลังน้ำลด ร้อยละ 65.0 อยากให้ซ่อมแซมที่พักอาศัย ร้อยละ 59.3 แก้ปัญหาราคาสินค้า ร้อยละ 54.6 แก้ปัญหาคนว่างงาน ร้อยละ 52.4 หาแนวทางป้องกันน้ำท่วมในอนาคต ร้อยละ 50.4 ระบุสภาพคล่องทางการเงิน รองๆ ลงไปได้แก่ ซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า ปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า น้ำปะปา ซ่อมแซมรถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์ ถนนหนทาง และแก้ปัญหาที่ทำกิน
เสียงสะท้อนข้อเสนอของผู้ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมต่อรัฐบาลและฝ่ายค้านในการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติในอนาคต พบว่าร้อยละ 93.8 ขอให้หยุดขัดแย้ง หยุดโจมตีกัน ร้อยละ 63.0 ขอให้บอกความจริงที่ครบถ้วนกับประชาชน ร้อยละ 58.0 ขอให้ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ร้อยละ 55.9 ขอให้ปรับปรุงเรื่องระบบเตือนภัย ร้อยละ 54.9 ขอให้ปรับปรุงเรื่องการสื่อสารกับประชาชน ร้อยละ 49.0 ขอให้รัฐบาลกับภาคเอกชนจับมือทำประกันภัยให้กับชุมชน สังคมและประเทศ และร้อยละ 48.2 ขอให้จัดวางระบบผังเมืองใหม่
ผอ.ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน เสนอให้พื้นที่ภัยพิบัติเป็นพื้นที่ปฏิรูประบบเศรษฐกิจพิเศษ เร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นในหมู่ประชาชนต่อมาตรการรับมือภัยพิบัติ และการเยียวยาที่ชาวบ้านทั่วไปเข้าใจง่ายเห็นภาพชัดเจน ประการแรก กระทรวงสำคัญด้านเศรษฐกิจและกลุ่มนายทุนน่าจะออกมาจับมือกันสร้างความเชื่อมั่นในมาตรการเฉพาะหน้าและระยะยาวที่เกี่ยวกับความเดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่ายของประชาชนที่พุ่งสูงขึ้น แต่รายได้หรือเงินเดือนเท่าเดิมและหลายคนที่สูญเสียรายได้ไป
ประการที่สอง กระทรวงสำคัญด้านสังคม เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อาจระดมอาสาสมัครจากสถาบันการศึกษาจากภาครัฐและภาคเอกชน คณาจารย์ นักศึกษา ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีวะ ช่างไฟฟ้า รถยนต์ ลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านทำงานเป็นผู้ช่วยการไฟฟ้าขณะน้ำท่วม และเตรียมพร้อมลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านแบบองค์รวมได้ทันทีหลังน้ำลด ในการซ่อมแซมที่พักอาศัย เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ ปรับสภาพแวดล้อมให้น่าอยู่
ประการที่สาม ฝ่ายการเมืองน่าจะใช้จังหวะเวลานี้เป็นบทพิสูจน์ความเป็นผู้นำ ฟื้นฟูความศรัทธาของสาธารณชนต่อนักการเมืองที่ตกต่ำมานาน เลิกทะเลาะกัน เปิดสายด่วน สร้างฐานข้อมูลผู้ประสบภัยพิบัติ ลงพื้นที่โดยไม่เลือกข้างไม่เลือกสี และมีระบบติดตามการช่วยเหลือและเสริมสร้างให้ชาวบ้านเข้มแข็งอยู่ได้ด้วยตนเอง ไม่พึงงบรัฐ เพราะรัฐบาลก็จะต้องหาแหล่งเงินกู้ยืมที่จะนำไปสู่หนี้สินสาธารณะของประเทศและตกอยู่ภายใต้การครอบงำของกลุ่มนายทุนและองค์กรทุนต่างชาติ ส่งผลให้การกำหนดนโยบายสาธารณะของประเทศอาจขาดความเป็นอิสระ .
ที่มาภาพ : http://webboard.serithai.net/user/10260-beesky/page__tab__topics
