"มาร์ค"ตั้งข้อสังเกตทำงบ 4 ปม ติงไม่สอดคล้อง ศก. ระบุ"งบกลาง" 1.2 ล.ส่อไม่โปร่งใส คาดปีหน้าขาดดุลกว่า 4 แสนล.
เมื่อเวลา 11.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายเปิดร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ในส่วนของฝ่ายค้าน ว่า เราได้พิจารณางบปี 2555 ในภาวะไม่ปกติโดยข้อเท็จจริง งบปีนี้ไม่ปกติแง่กระบวนการเนื้อหาสาระ ดังนี้
1.การเคลื่อนปฏิทินงบประมาณ และตามปฏิทินกฎหมายงบใช้ได้สิ้นเดือนมกราคม 2555 ซึ่งบีบให้กรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญของสภามีเวลาแปรญัตติได้ที่ 45 วัน ฝ่ายค้านอยากให้งบใช้ได้โดยเร็วเพราะเรื่องเดือดร้อน และไม่ประสงค์เห็นกระบวนการพัฒนาประเทศชะงัก 2.การจัดงบในเศรษฐกิจไม่ปกติ และ 3.ผลกระทบที่เกิดจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ ความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วมไม่ได้วัดเฉพาะจากชีวิตทรัพย์สินที่สูญเสีย แต่ผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจจะขยายวงกว้าง ทำให้การจัดทำงบมีความยากลำบากมากขึ้น นอกจากนี้ ตนมีข้อสังเกตว่างบประมาณที่ได้จัดสรรและเสนอต่อสภาไม่สอดคล้องกับปัญหาที่ประเทศเผชิญ โดยมีข้อสังเกต 4 ข้อ ดังนี้ 1.สมมติฐานจัดทำงบประมาณของรัฐบาลไม่สอดคล้องความเป็นจริงทางเศรษฐกิจ 2.งบที่เสนอต่อสภา รวมถึงการดำเนินการของรัฐบาลยังขาดความชัดเจนแง่บริหารจัดการเศรษฐกิจในระยะกลางหลังผ่านพ้นวิกฤต 3.รัฐบาลไม่ได้ทำทบทวนจัดลำดับเสียใหม่ในภาวะที่ประเทศประสบปัญหามีจัดสรรงบเดิมๆ ทำให้เกิดภาระใน1-2 ปีงบประมาณข้างหน้าและอาจไม่ยั่งยืนทางด้านการคลัง 4.เงินงบประมาณที่รัฐบาลได้จัดสรรน้ำท่วม 1.2 หมื่นล้านบาท ที่จัดไว้ในงบกลางจะทำให้เกิดปัญหาความโปร่งใสและประสิทธิภาพการใช้จ่ายเงินดูแลแก้ปัญหาประชาชน
"บางเรื่องผมเห็นด้วยค่าแรง 300 บาทให้ว่าไปเลย เงินเดือนปริญญาตรี 1.5 หมื่นบาท ทำไปเพื่อรักษากำลังซื้อ การที่รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนให้คน 1 แสนคน ซื้อรถยนต์คันแรก เงิน 3 หมื่นล้านบาท เอาไปจ้างคนสัก 1 ล้านคนจะดีกว่า เพื่อรองรับการว่างงานที่จะเกิดให้ค่าแรง 300 บาทด้วย ตัดสินใจไปทำอย่างนี้ดีกว่ายืนนโยบายรถคันแรกและการตัดสินใจลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่ผูกไว้กับค่าแรง 300 บาท เพราะค่าแรง 300 บาท ยังไม่ชัดเจน การลดภาษีเงินได้นิติบุคคล กลุ่มที่ได้จริงๆ จะตรงกับความต้องการเศรษฐกิจประเทศหรือไม่" นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ข้อเสนอที่จะมีถึงรัฐบาลมี 3 ข้อดังนี้ 1.ต้องทบทวนตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับสถานะการเงินการคลังของประเทศในช่วง 2 ปีข้างหน้าตามความเป็นจริง และขาดดุลปีนี้ตนเชื่อว่าจะมีการขาดดุลปีนี้มากกว่า 4 แสนล้านบาท ถึงเวลาต้องมียุทธศาสตร์ระดับปานกลางให้ง่ายต่อการตรวจสอบและเรียกความเชื่อมั่น 2.ขอให้รัฐบาลใจกว้างทบทวนนโยบายของตัวเอง อะไรไม่ใช่จำเป็นเร่งด่วนวันนี้ต้องบอกประชาชนตรงไปตรงมา เพื่อให้การจัดทำงบมีประสิทธิภาพแท้จริง ตอบโจทย์ชีวิตความเป็นอยู่พี่น้องประชาชน และ 3.การพิจารณาของ กมธ.วิสามัญจะแปรญัตติจนถึงกลางเดือนธันวาคมนี้ เมื่อถึงเดือนธันวาคมรัฐบาลต้องทราบว่าเงินที่จะมาบริหารน้ำท่วมจะไปทำอะไร ดังนั้น จากวันนี้ถึงกลางเดือนธันวาคม เมื่อกระทรวง ทบวง กรม ทราบว่าจะนำเงินไปทำเรื่องฟื้นฟูน้ำท่วมอะไร ให้ กมธ.วิสามัญตัดออกจากงบกลางแล้วให้รัฐบาลแปรญัตติเพิ่มกลับมาให้อยู่ตามกระทรวงต่างๆ จะเป็นการยืนยันว่านายกฯไม่ประสงค์รวบอำนาจแต่จะตอบโจทย์เรื่องน้ำท่วมให้งบเข้าสู่ช่องทางปกติ เพื่อยืนยันความโปร่งใส เป็นประโยชน์ต่อประชาชน
