นายกฯเปิดใจไม่ลาออก แจงร้องไห้เพราะเห็นปชช.ทุกข์
ยิ่งลักษณ์" เปิดใจบนรถเมล์ไม่ลาออก แจงร้องไห้ไม่ใช่ว่าอ่อนแอ แต่เป็นอารมณ์ร่วมเมื่อเห็นประชาชนทนทุกข์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯและรมว.มหาดไทย นั่งรถเมล์ฟรีครีมแดงสาย 32 ของขสมก. ที่เขียนป้ายหน้ารถว่าเฉพาะกิจ ออกจากลานพระบรมรูปทรงม้าภายหลังปล่อยขบวนคาราวานช่วยผู้ประสบภัย โดยรถเมล์ที่นายกรัฐมนตรีนั่งนั้นมีรถตำรวจนำขบวนตามปกติ ซึ่งขึ้นทางด่วนที่เปิดให้บริการฟรีที่ด่านยมราช ไปพบประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมที่ศูนย์พักพิงโรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์ เขตจตุจักร ทันทีที่ น.ส. ยิ่งลักษณ์เดินทางถึงก็มีเสียงประชาชนตะโกนพร้อมชูป้าย “นายกสู้ๆ” เป็นระยะ และหลังจากขึ้นไปพบชาวบ้านบนอาคารคันธาแก้วซึ่งเป็นจุดพักพิงแล้วลงมาก็มีประชาชนตะโกนและชูป้าย “นายกสู้ๆ” อีกรอบ ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ได้ยกมือไหว้และขอบคุณ
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้เข้าไปยังโรงครัวของเหล่ากาชาดกาญจนบุรีและได้ลงมือทำผัดวุ้นเส้นให้กับประชาชนได้รับประทาน โดยมีแม่ครัวของเหล่ากาชาดคอยประคอง ต่อจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้มอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบอุทกภัย และจากนั้นก็เดินทางด้วยรถเมล์คันเดิมกลับไปประชุมที่อาคารรัฐสภาต่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงที่น.ส.ยิ่งลักษณ์นั่งรถเมล์ไปพบประชาชน ก็ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนบนรถเมล์ถึงการรับมือกับเกมการเมืองหลังน้ำลดว่า “เรื่องเกมการเมืองนั้นไม่รู้ แต่ยิ่งลักษณ์เข้ามาไม่ได้เล่นเกมการเมือง มาเพื่อแสดงความจริงใจและหวังว่าประเทศไทยจะมีความจริงใจ”
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าพร้อมสู้ไม่ว่าจะมีอะไรตามมาใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มันไม่ใช่เป็นการสู้ในเกมการเมือง เพราะสิ่งที่เราทำขณะนี้คือการทำงานให้ประชาชน อีกทั้งภัยธรรมชาติเป็นเรื่องยากแต่เราต้องแก้ เหตุการณ์น้ำท่วมเกิดมานาน 3-4 เดือน รัฐบาลนี้เข้ามาก็เจอแจ็คพ็อตพอดี
เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรกับคำพูดที่ว่าหลังน้ำลดจะมีหลายฝ่ายออกมาเช็คบิลรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เชื่อว่าคนแต่ละพื้นที่รู้ว่ารัฐบาลทำงานอย่างไรคงจะเข้าใจ เราทำงานให้กับประชาชนทุกคน ไม่เลือกพื้นที่ ไม่แบ่งภาค ไม่แบ่งสี เราจะพิสูจน์การทำหน้าที่ของเราด้วยความอดทน
ต่อข้อถามที่ว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเชิญพรรคประชาธิปัตย์กลางเวทีประชุมสภาเพื่อให้มาร่วมกันทำงานและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนร่วมกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยินดีอยู่แล้วและในวันที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไปที่ ศปภ.ดอนเมือง ยังเดินไปเชิญให้เข้ามาสื่อคงจำได้ ซึ่งตนยินดี
"วันนี้เราไม่มีทิฐิซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะอย่างไรเราจะทำงานให้ประชาชน ในกทม.ก็ไม่เคยเลือกเขต เรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำแม้มีอำนาจอยู่ในมือเราก็ไม่สามารถเอามือไปเปิด-ปิดประตูน้ำเองได้ เราต้องทำงานร่วมกันหลายๆฝ่าย และแม้ดิฉันจะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ไม่ใช่ว่าจะรู้เรื่องน้ำได้ดีทุกอย่าง ดิฉันก็ไม่ได้ถูกทอดทิ้งหรือทำงานเพียงลำพังคนเดียว ก็มีคนช่วยไม่เช่นนั้นคงแก้ไม่ได้มาถึงขนาดนี้ วันนี้ทำไมเราไม่มาช่วยกันสร้างความมั่นใจให้กับต่างชาติว่าเราทำและแก้ปัญหาได้ เรากำลังฝ่าวิกฤติภัยธรรมชาติ "
นายกฯ กล่าวว่า ดังนั้นวันนี้ถ้าเราไม่ช่วยกันทำและแก้ปัญหาสุดท้ายประเทศชาติจะแย่ ต่างชาติก็จะไม่เชื่อมั่น ดังนั้นการที่เราต้องเข้าไปช่วยฟื้นฟูและสร้างความเชื่อมั่นให้กับบรรดานิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบในตอนนี้ วงจรเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นที่จะย้อนกลับมาสู่ประเทศไทยนั้นมีมูลค่ามากมายมหาศาล เหมือนนโยบายรถคันแรกของรัฐบาลที่ไม่ได้ใช้เงินมากมายอะไร เมื่อเทียบกับสิ่งที่จะได้รับกลับคืนมา
เมื่อถามว่าคิดว่าหลังจากนี้ไปจะต้องร้องไห้อีกซักกี่ครั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตรงนี้ไม่ได้เรียกว่าน้ำตาไหลเพราะร้องที่มาจากความอ่อนแอ ถ้าอ่อนแอคงไม่มานั่งหรือยืนอยู่ตรงนี้คงถอดใจไปนานแล้ว ประชาชนให้ความหวังและเลือกเรามา แล้วมาเจอปัญหาแค่นี้แล้วถอดใจก็คงไม่ใช่ชาวบ้านด่าตายแน่ ยืนยันว่าที่ร้องไห้นั้นไม่ใช่ความอ่อนแอ ใครไม่เจอกับตัวคงไม่รู้ มันเป็นอารมณ์ร่วมเมื่อเห็นประชาชนเป็นทุกข์ก็ทนไม่ได้
เมื่อถามว่าจริงหรือไม่ว่านายกฯถอดใจถึงขั้นที่จะลาออกแล้วหลายครั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่จริง เข้ามาเพราะประชานเลือกมาจะถอดใจได้อย่างไร วันนี้เราต้องพิสูจน์กันตามระบอบประชาธิปไตย ประชาชนเลือกมาจะให้มาถอดใจกันง่ายๆได้อย่างไร แต่ก็ยอมรับว่าก็เป็นปุถุชนคนธรรมดาเจอปัญหาแบบนี้ก็ต้องมีกันบ้างในเรื่องของความรู้สึก แต่ยืนยันว่าไม่เคยคิดที่จะถอดใจ

