“อู๊ด เหนือหัว” ดับปริศนาคาโรงแรมเมืองสองแคว
พิษณุโลก - พบ “อู๊ด เหนือหัว” มือทำพระชื่อดังดับปริศนาคาห้องพักโรงแรมกลางเมืองสองแคว ไร้ร่องรอยรื้อค้นทรัพย์สิน แต่พบจดหมายบรรยายผลงานตัวเอง พร้อมสั่งเสียให้น้องเผาศพทันที ไม่ต้องจัดพิธีใดๆ เผยเปิดห้องพักตั้งแต่ 21 ต.ค. กระทั่ง 2 วันก่อน สั่งห้ามรบกวน แต่พอถึงกำหนด จนท.เปิดห้องไปเจอกลายเป็นศพแล้ว
วันนี้ (30 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมกับตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก ได้เข้าตรวจสอบเหตุบุคคลเสียชีวิตในโรงแรมสังข์ทอง ถ.พระลือ 1 อ.เมืองพิษณุโลก เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า ผู้ที่เสียชีวิตคือ นายสิทธิกร บุญฉิม หรือ อู๊ด เหนือหัว มือทำพระชื่อดัง
จากการตรวจสอบเบื้องต้น นายสิทธิกร เสียชีวิตในสภาพนอนคว่ำหน้า ในห้องพักเลขที่ 209 ของโรงแรม คาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 วันไม่พบร่องรอยรื้นค้นทรัพย์สิน โดยนายสิทธิกร ได้มาเปิดห้องพักดังกล่าวตั้งแต่ 21 ต.ค.58 กระทั่ง 2 วันก่อน ได้สั่งห้ามใครรบกวน แต่เมื่อเลยกำหนดพัก เจ้าหน้าที่โรงแรมมาเปิดห้องกลับเสียชีวิตแล้ว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบจดหมายของผู้ตายเขียนทิ้งไว้ในห้อง ระบุว่า “นายสิทธิกร บุญฉิม จากเด็กกำพร้ายากจนมีวุฒิ ม.3 ได้หาเงินช่วยเหลือสังคม ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา ก่อเกิดสาธารณประโยชน์เป็น วัด, โรงเรียน, โรงพยาบาล, สถานศึกษา, มหาวิทยาลัยสงฆ์, องค์กรการกุศล, สงเคราะห์ผู้ยากไร้, อุปการะเยาวชนให้เล่าเรียน จัดเป็นมูลค่าสินทรัพย์และเงินรวมๆ บริจาคไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท กระจายอยู่ทั่วแผ่นดินทั้งที่คนรู้ และไม่รู้
ที่หาเงินได้มากมาย แต่ไม่เคยเก็บสะสมสร้างฐานะ เพราะมัวแต่ช่วยผู้อื่น ไม่เคยช่วยพี่น้อง ช่วยสาธารณะจนตัวเองเดือนร้อน ผลตอบแทนกลับมาให้เสื่อมเสีย ไม่มีความดีและความจริง จากผู้ได้รับความช่วยเหลือไป จะเป็นจริงอย่างถาวร “ดีชั่วถูกผิด ยึดติดใครไม่ได้”
หากเสียชีวิตที่พิษณุโลก ให้น้องชายขึ้นมาจัดการศพทำการเผาทันที ไม่ให้จัดพิธีการใดๆ ไม่ให้บำเพ็ญกุศล เพราะไม้ต้องการให้พี่น้องเดือนร้อน ไม่ต้องการให้คนอื่นต้องมายุ่งยาก ที่สำคัญผมทำบุญได้เยอะแล้ว ไม่มีใครจะทำบุญให้ผลได้เท่าตัวผมทำตอนอยู่
ท้ายสุดฝากบอกบุญ เชิญคนไทยไปบริจาคทรัพย์รับพระกริ่ง ซึ่งผมบริจาคไว้ 75 ล้าน ช่วยสร้างอาคารศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ครับ”
ล่าสุดขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ ถึงสาเหตุการเสียชีวิต
ขอบคุณข่าวจาก

