ใครซ้ำเติมผู้ประสพภัยถูกจับแน่
พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. สั่งคุมเข้มขายของแพง ใครเจอแจ้งกรมการค้าภายใน1569 ชี้ข่าว“โรยตะปู”แค่ลือ หากทำจริงเข้าขั้นผิดปกติ
วันนี้ (10 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. แถลงถึงมาตรการรับมือกรณีปัญหาที่เกิดจากอุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้กำชับและให้ความสำคัญกับผู้ก่อเหตุซ้ำเติมผู้ประสบภัยน้ำท่วม ทั้งประทุษร้ายและเอาเปรียบทางการค้าหรือบริการ แบ่งได้เป็น 4 เรื่อง คือ 1.คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) มีประกาศ ฉบับที่ 2 ในเรื่องกำหนดราคาสินค้าควบคุม 16 รายการ คือ กระดาษชำระ กระดาษเช็ดหน้า , เครื่องนอน, เครื่องสูบน้ำ, ถังน้ำ, ถ่านไฟฉาย, ทราย ทรายบรรจุถุง, เทียนไข, น้ำดื่มบรรจุภาชนะปิดผนึก, แปรงสีฟัน, ไฟฉาย, ผลิตภัณฑ์ยาแนวกันน้ำ, รองเท้าบู๊ทยาง, เรือขนาดเล็ก ไม่เกิน 15 ที่นั่ง, เสื้อชูชีพ และอิฐบล็อก ซึ่งยังคงบังคับสินค้าควบคุมที่ประกาศในฉบับที่ 1 ทั้ง ข้าวเปลือก ข้าวสาร และไข่ไก่ โดยหากมีการขายเกินราคา จะมีความผิดมาตรา 29 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และตร. จะจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างเด็ดขาด หากประชาชนพบเห็นการขายสินค้าเกินราคา สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน กรมการค้าภายใน 1569
สำหรับเรื่องที่ 2 กรณีการเรียกเก็บค่าโดยสารเรือรับจ้างในราคาสูงเกินควร สำหรับกรณีการเรียกค่าโดยสารในราคาที่สูง ถ้าตกลงกันแล้ว แต่เมื่อผู้โดยสารใช้บริการแล้วเรียกเก็บอีกราคา อาจมีความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยขอให้ประชาชนช่วยเหลือกัน และตกลงราคาก่อนจะได้ไม่มีปัญหา หากเห็นว่าราคาสูงเกินไปให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยราชการที่ให้การช่วยเหลือแทน และจะดำเนินคดีกับผู้รับจ้างต่อไป“อีกเรื่องที่มีคนถามกันมากคือ การขับเรือไปชนกับรถนั้น เรื่องนี้ยังถือว่าเป็นการใช้ พ.ร.บ.จราจรทางบก เพราะถือว่ารถนั้นยังสามารถขับขี่ได้และพื้นที่นั้นเป็นถนน และถือว่าเรือมีความผิดเพราะถนนไม่ใช่ที่ควรใช้เรือแต่กรณีนี้ก็ไม่มีการจับกุมอะลุ่มอล่วยเพราะถือเป็นกรณีพิเศษ แต่หากเป็นรถที่ดัดแปลงเป็นเรือแล้วลงน้ำไปชนกับเรือ ถือว่าจะใช้ พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย โดยกรณีเรือรับจ้างนั้น ช่วงเช้าที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ได้ส่งมอบเรือให้ ผบ.ตร. ซึ่งจะนำมอบให้ทั้ง บช.น. และบช.ภ.1 ใช้ช่วยเหลือประชาชนและป้องกันอาชญากรรมซึ่งเรือจำนวนมากที่ได้นี้จะช่วยประชาชนได้ดียิ่งขึ้น
เรื่องที่ 3 เป็น เกี่ยวกับกรณี กระแสข่าวการวางตะปูเรือใบ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือประชาชน อันนำไปสู่การเรียกเก็บค่าเรือราคาแพงนั้น เบื้องต้นตนไม่เชื่อว่าจะมีคนที่มีแนวคิดดังกล่าว เพราะหากเป็นจริงถือว่าจิตใจผิดปกติอย่างมาก หากจับกุมได้จะนำมาแถลงให้ประชาชนรับรู้ มีความผิดหลายข้อหาทั้ง ประมวลกฎหมายอาญา ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ มาตรา 358 โทษจำคุก 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากทรัพย์ดังกล่าวเป็นยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งสาธารณะหรือเป็นทรัพย์ที่ใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์ (เช่น รถโดยสาร รถของทางราชการ) มีโทษหนักขึ้นเป็นจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากตะปูเรือใบ ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ มีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ตามมาตรา 295 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เรื่องสุดท้าย คือ การลอยกระทง โดยตนอยากให้ประชาชนขอให้อธิษฐานทางจิตแทนการลอยกระทงได้ในพื้นที่น้ำท่วม หรือหากอยากจะลอยกระทงก็ไปยังบึงหรือสถานที่จัดงานที่ไม่มีน้ำท่วมขัง ไม่ใช่ลอยหน้าบ้านที่น้ำท่วม เพราะไฟจากกระทงอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ จะถือว่ามีความผิดฐานประมาททำให้เกิดเพลิงไหม้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงการเล่นพลุ ดอกไม้ไฟ หากพบก็จะจับกุมและดำเนินคดีทุกราย เพราะเป็นอันตรายแก่ร่างกายและทรัพย์สินได้.

