'มาร์ค'เผยนายกฯไม่จำเป็นลาออก-ยุบสภา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะ ได้แก่นายกรณ์ จาติกวณิช นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรค พร้อมด้วยส.ส.กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันปล่อยขบวนรถบรรทุกจำนวน 30 คัน ในโครงการ "ประชาเดินหน้า อาสาฯ พาไป รถอาสาฯ บริหารประชาชน" ที่ประสานงานโดยพรรคประชาธิปัตย์ไปประจำตามพื้นที่ ที่ประสบอุทกภัยในกทม.10 เขต เขตละ 2 คัน เพื่อให้บริการประชาชนในการเดินทาง ตั้งแต่เวลา 07.00-22.00 น. ทุกวัน เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คนกทม.ยังต้องเผชิญกับภาวะน้ำท่วมใน ระยะเวลานานพอสมควร ดังนั้น การดำเนินชีวิตจึงมีปัญหาการสัญจร จึงอยากเชิญชวนภาคเอกชนที่มีรถบรรทุกช่วยกันบริการประชาชน ซึ่งพรรคได้ระดมรถใหญ่มาบริการในเส้นทางหลักๆ ที่ไม่สามารถสัญจรได้ด้วยรถเล็ก ซึ่งจะต้องทำต่อเนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ในเส้นทางหลักๆ เช่นเส้นเพชรเกษม บริเวณพระราม 2 ดอนเมือง รามอินทรา วิภาวดี โดยจะมีการประชาสัมพันธ์รายละเอียดของเส้นทางในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนมาใช้บริการ ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดยังอยู่ในวิสัยที่มูลนิธิควง อภัยวงศ์ และพรรคดูแลได้ ซึ่งในส่วนของโรงครัวก็ลงตัวแล้วมีทั้งหมด 20 แห่งพื้นที่ใดน้ำเริ่มลดก็จะย้ายโรงครัวไปช่วยในจุดที่มีปัญหาหนักกว่า
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ประเมินว่าสถานการณ์น้ำในฝั่งธนฯ ยังมีมวลน้ำเยอะมาก และใกล้จะไปถึงปลายทางแล้ว เพราะข้ามบางขุนเทียนก็จะลงทะเล แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือ ระดับน้ำในเขตทวีวัฒนาผ่านมา 2 สัปดาห์ ยังลดลงไม่มาก แสดงว่าการระบายน้ำในส่วนนี้ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 สัปดาห์ขึ้นไป กว่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน แต่พื้นที่ทางเหนือจะเริ่มลด ทางใต้จะกลายเป็นจุดรับน้ำต่อไป ส่วนฝั่งตะวันออกมีหลายปัจจัย เช่น การทำงานของเครื่องสูบน้ำที่ยังประคองสถานการณ์บริเวณถนนวิภาวดี พหลโยธิน และรัชดา ทั้งหมดขึ้นอยู่กับกำลังของเครื่องสูบน้ำว่าจะยันไว้ได้มากน้อยเพียงใด เพราะระดับน้ำในคลองบริเวณเหล่านี้เริ่มเอ่อล้น และมีน้ำผุดขึ้นตามท่อ จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
ขณะที่แนวป้องกันบิ๊กแบ็กที่รัฐบาลบอกว่าได้ผลนั้น ความจริงยังไม่เห็นผลชัดเจน เพราะการที่น้ำบริเวณถนนวิภาวดีลดลงเกิดจากการสูบน้ำ ในขณะที่น้ำทุ่งที่ดอนเมืองยังลดลงน้อยมาก แสดงว่ายังมีมวลน้ำไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลควรจะได้ตรวจสอบให้ชัดเจน และนำตัวเลขความเป็นจริงมาบอกประชาชนด้วยการไปวัดระดับน้ำทุ่งที่ดอนเมือง ทางเหนือของกทม. หากได้ผลจริงต้องเห็นระดับน้ำที่ลดลงอย่างชัดเจน แต่ในขณะนี้บิ๊กแบ๊กอาจจะมีผลบ้างในเรื่องการชะลอน้ำ โดยบางพื้นที่มีความแตกต่างในเรื่องระดับน้ำ 2 ฝั่ง แต่ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีมวลน้ำใหม่เข้ามา ซึ่งรัฐบาลต้องดูด้วยว่าเมื่อระยะเวลาผ่านไปการชะลอน้ำในลักษณะนี้จะใช้งาน ได้มากน้อยเพียงใด สำหรับการระบายน้ำทางกทม.ก็เร่งระบายทั้งผ่านอุโมงค์ยักษ์และลงสู่แม่น้ำ เจ้าพระยา จึงอยากให้รัฐบาลและกทม.เร่งรัดในการติดตั้งเครื่องสูบน้ำในฝั่งธนฯ โดยเร็ว
ส่วนกรณีที่นายณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เตรียมตั้งโต๊ะรวบรวมรายชื่อประชาชนที่ประสบอุทกภัย เพื่อฟ้องร้องรัฐบาลให้รับผิดชอบต่อการบริหารน้ำผิดพลาด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีหลายฝ่ายมองว่าปัญหาน้ำท่วมที่ เกิดขึ้น ไม่ใช่เกิดจากภัยธรรมชาติเพียงอย่างเดียว แต่มีเรื่องการบริหารจัดการเข้ามาเกี่ยวข้อง มีประชาชนได้รับความเสียหายมาก และค่าเสียหายก็มากกว่าสิ่งที่รัฐบาลชดเชยให้ ดังนั้น จึงเป็นสิทธิที่สามารถทำได้
ส่วนจะฟ้องได้หรือไม่ต้องเป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลก็ต้องพร้อมรับการตรวจสอบจากภาคประชาชน โดยชี้แจงให้ความจริงหากเห็นว่าตัวเองไม่ผิด แต่ต้องไม่มีการปลุกระดมมวลชนของตัวเองมาต่อต้าน เพราะจะยิ่งเป็นการสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งทางการเมืองเพิ่มเติม ซึ่งจะไม่เป็นผลดีกับใครทั้งนั้น ในส่วนของพรรคยืนยันว่า จะไม่ทำให้เกิดเป็นประเด็นการเมือง เพราะสถานการณ์ในขณะนี้ไม่ได้อยู่ในบรรยากาศที่จะทำให้เห็นว่ามาชี้หน้าใคร ถูก ใครผิด หรือทะเลาะเบาะแว้ง เมื่อสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายทุกคนต้องช่วยกันบรรเทาความทุกข์ให้ประชาชน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เสียดายโอกาสและผิดหวังที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ให้คำตอบหรือรับฟังข้อเสนอแนะของฝ่ายค้าน ในระหว่างการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2555 เลย โดยไม่ได้ชี้แจงแม้แต่คำเดียว ส่วนที่คำชี้แจงของรมว.เกษตรฯ เกี่ยวกับการบริหารน้ำในเขื่อน ก็เป็นดุลพินิจ ซึ่งข้อเท็จจริงชัดเจนว่าการพร่องน้ำในเขื่อนมีจังหวะที่สามารถทำได้ในช่วง เดือนส.ค.และก.ย. เพราะระหว่างนั้นก่อนที่จะมีพายุเข้า มีเวลา 2 เดือน
ในขณะที่ช่วงพ.ค.อยู่ในเกณท์แล้ง พอมาถึงเดือนมิ.ย.และก.ค.อยู่ในเกณท์ปกติ จังหวะที่ระบายน้ำจึงอยู่ที่เดือนส.ค.และก.ย. แต่ก็อยู่ที่รัฐบาลว่ามองอย่างไร ซึ่งมีการบอกว่าไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าในเรื่องของพายุ แต่รัฐบาลก็ยอมรับว่ามีเจตนากักเก็บน้ำ เพื่อนโยบายจำนำข้าว เพราะไปพันกันเรื่องที่รัฐบาลยกเลิกโครงการการประกันรายได้ หากปล่อยให้น้ำท่วมโครงการ ประกันรายได้จะทำให้เกษตรกรได้รับเงินส่วนต่าง แต่ถ้าเป็นโครงการจำนำข้าวเกษตรกรจะไม่ได้รับประโยชน์ ดังนั้น จึงอยากให้รัฐบาลได้ทบทวน เพราะหลายครั้งเห็นชัดเจนว่ารัฐบาลมุ่งเรื่องการเมืองมากกว่าบ้านเมือง เช่น กรณีคลองสามวา เมื่อปล่อยให้การเมืองมาเป็นตัวชี้ การบริหารก็ส่งผลกระทบ
"ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเลิกคิดในเชิงการเมือง การให้ข่าวในขณะนี้ยังมีลักษณะของการเล่นการเมือง โยนให้กทม.ทั้งๆ ที่ควรจะร่วมมือกันช่วยเหลือประชาชน เวลานี้ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะมาสร้างปมความขัดแย้ง อย่าให้การเมืองมาเป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหา รัฐบาลต้องลดการจุดประเด็นความขัดแย้ง โดยหากต้องการให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น ก็ต้องแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีความโปร่งใส พร้อมให้ตรวจสอบ โดยอย่ามุ่งที่จะตอบโต้จนไม่ให้ข้อเท็จจริงกับประชาชน โดยเฉพาะหลังจากที่ฝ่ายค้าน ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อถุงยังชีพนั้น หวังว่ารัฐบาลจะไปทบทวนหลังมีบทสรุปว่าไม่มีความผิดในก่อนหน้านี้ เพราะทั้งนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย และพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ก็ดูเหมือนจะยอมรับว่าจะไปตรวจสอบอีกครั้ง และวันนี้ (11 พ.ย.) พรรคจะเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมในสภาด้วย" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า ความสำคัญในการแก้ปัญหาขณะนี้ นายกฯจะต้องมุ่งไปที่การช่วยเหลือประชาชน ส่วนการจะฟื้นฟูควรมอบให้ผู้ที่รับผิดชอบและฝ่ายวิชาการไปศึกษาปัญหา โดยนายกฯ ร่วมมือกับกทม.เผชิญกับสถานการณ์ขณะนี้ เช่น ในเรื่องเครื่องสูบน้ำกทม.กับรัฐบาลต้องจับมือกันเร่งติดตั้งโดยเร็ว เพื่อระบายน้ำออก คลี่คลายสถานการ์ควบคู่ไปกับการเยียวยาประชาชนในพื้นที่ที่น้ำลด ฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคให้กลับมาใช้งานได้ ซึ่งพรรคก็จะร่วมมือกับภาคประชาชนไปดำเนินการด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าเริ่มมีเสียงเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกหรือมีการยุบสภานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในวันนี้ขอให้สถานการณ์ผ่านพ้นไปก่อน เพราะถ้าเพิ่มความไม่แน่นอนทางการเมืองเข้ามาจะไม่เป็นผลดีกับประเทศ ส่วนความรับผิดชอบและความเหมาะสมทางการเมืองจะเป็นอย่างไร อยากให้รอสถานการณ์คลี่คลายไปก่อน ทั้งนี้ นายกฯ ก็ต้องแสดงออกถึงประสิทธิภาพในการบริหารสถานการณ์ความเป็นเอกภาพทั้งการ จัดการและการสื่อสารที่ดีกว่านี้ เพื่อสร้างความมั่นใจทั้งคนไทยและประชาคมโลกด้วย . 
