ส.โลกร้อน ขู่ฟ้องรัฐสูบน้ำเปื้อนมลพิษกู้นิคมฯ-ทำคันกั้นกระทบชุมชน
ส.โลกร้อน ทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ ค้านการสูบน้ำออกจากนิคมฯก่อนบำบัดมลพิษ-ทำคันกันน้ำป้องอุตฯกระทบชุมชน หากเพิกเฉยเตรียมฟ้องศาลปกครอง
วันที่ 11 พ.ย.54 สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน โดยนายศรีสุวรรณ จรรยา ทำจดหมายเปิดผนึกถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สำเนาถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และประธานกรรมการฯและผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เรื่อง “คัดค้านการสูบน้ำที่ปนเปื้อนมลพิษเพื่อกู้นิคมอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำท่วม และคัดค้านการส่งเสริมการ จัดทำคันกั้นน้ำถาวรเพื่อปกป้องอุตสาหกรรม แต่ละเลยทุกข์ของชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรม” ใจความว่า
ขณะนี้ว่านิคมอุตสาหกรรม หรือเขตประกอบการอุตสาหกรรม หรือสวนอุตสาหกรรม ที่ถูกน้ำท่วมในพื้นที่รองรับน้ำตามธรรมชาติ มีความพยายามที่จะฟื้นฟูกู้นิคมอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดอยุธยาและปทุมธานีกันอย่างเร่งรีบ แต่เนื่องจากพื้นที่ภายในนิคมอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำท่วมขังนั้น มีความเสี่ยงสูงที่จะปนเปื้อนสารเคมีอันตรายต่างๆที่เป็นวัตถุดิบและกากของเสียอุตสาหกรรมในโรงงานต่างๆจำนวนมาก
ดังนั้นความพยายามกู้คืนนิคมอุตสาหกรรมโดยการสูบน้ำออกนอกนิคมอุตสาหกรรม เพื่อทิ้งออกสู่ภายนอกโดยมิได้มีการบำบัดให้เป็นไปตามมาตรฐานก่อนนั้น ย่อมอาจก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพอนามัยของประชาชนในวงกว้าง และเป็นการกระทำที่ละเมิดกฎหมายโดยชัดแจ้ง หน่วยงานท่านในฐานะผู้กำกับดูแลย่อมต้องยับยั้งการกระทำดังกล่าว และต้องสั่งการให้ผู้ประกอบการหรือผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบ และปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายเสียก่อน สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวข้างต้นว่าได้รับความเดือดร้อนและเสียหาย สมาคมฯ จึงร้องเรียนมาเพื่อโปรดใช้อำนาจตามหน้าที่เพื่อดำเนินการหรือสั่งการ ดังนี้
1.ขอให้ตรวจสอบคุณภาพน้ำท่วมในนิคมอุตสาหกรรมหรือเขตประกอบการอุตสาหกรรม หรือสวนอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ถูกน้ำท่วมแต่ละแห่งมีโรงงานที่มีสารเคมีและขยะอันตรายปนเปื้อน ทั้งที่เก็บสำรองและอยู่ระหว่างการดำเนินการผลิตจำนวนมากขณะที่น้ำท่วมมาอย่างฉับพลัน รวมทั้งของเสียที่อยู่ในกระบวนการบำบัดก่อนการสูบน้ำออกสู่ชุมชน โดยขอให้ตรวจสอบข้อมูลและมีกระบวนการตรวจสอบความเป็นอันตรายทางวิชาการอย่างครบถ้วนชัดเจน รวมถึงบำบัดจนได้มาตรฐานก่อนปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมภายนอกแล้วเท่านั้น
2.ให้มีนักวิชาการอิสระและตัวแทนภาคประชาชนในพื้นที่ชุมชนรอบนิคมฯเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการในกระบวนการตรวจสอบ เพื่อประเมินข้อมูลและประเมินผลตรวจสอบในแต่ละนิคม เพื่อป้องกันผลเสียต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม และสร้างความเชื่อมั่นต่อทุกภาคส่วน
3.ตรวจสอบสุขภาพประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบหรือสัมผัสสารพิษโดยรอบนิคมฯ และมีมาตรการชัดเจนในการฟื้นฟูเยียวยาดูแลชุมชนที่อยู่รอบพื้นที่ดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการเก็บกู้ของเสียอันตราย (ขยะอุตสาหกรรม) ที่หลุดรอดออกมาก่อนหน้านี้
4.ยุติการส่งเสริม อนุมัติอนุญาตขยายนิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรม โครงการ กิจกรรมที่นำไปสู่การปิดกั้นขวางกั้นทางน้ำ ในพื้นที่จังหวัดอยุธยา จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดต่างๆ ในพื้นที่ภาคกลางอย่างถาวร ซึ่งเป็นพื้นที่รองรับน้ำในฤดูน้ำหลากโดยทันที รวมทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑลด้วย
5.ยุติการส่งเสริมหรืออนุญาตให้นิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำท่วมที่ผ่านมา จัดทำกำแพงหรือคันกั้นน้ำถาวรโดยมิได้สนใจผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับชุมชนรอบข้าง จนกว่ารัฐบาลจะมีมาตรการและดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว เช่น มาตรากรภาษีคันกั้นน้ำ ในการป้องกันแก้ไขน้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลางหรือพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมอย่างเป็นระบบ เป็นที่พอใจของชุมชน เพื่อป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้นจากคันกั้นน้ำดังกล่าว และการดำเนินการดังกล่าวจะต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพก่อน โดยต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนจนได้ข้อยุติแล้ว
สมาคมฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรับฟังข้อร้องเรียนดังกล่าวข้างต้น และนำไปสู่การสั่งการและหรือการปฏิบัติในการป้องกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในเร็ววัน หากเพิกเฉยหรือละเว้นสมาคมฯ จำเป็นต้องใช้กระบวนการยุติธรรมทางปกครองเพื่อให้มีคำสั่งตามข้อร้องเรียน
