'อาณัติ อาภาภิรม' วอนพรรคการเมือง ยามวิกฤติน้ำท่วมร่วมมือกัน ความเสียหายจะลดลง
ผู้บริหาร บีทีเอส มองรัฐบาลตั้งคณะกก.2 ชุด ฟื้นความเชื่อมั่น คงไม่ทำอะไรมาก พร้อมแสดงความเป็นห่วง ตัวเลขเงินฟื้นฟูน้ำท่วมจำนวนมหาศาล ที่ต้องกู้มาเยียวยา
ดร.อาณัติ อาภาภิรม กรรมการบริหาร บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วม จนสร้างความเสียหายในหลายพื้นที่ ว่า ทุกคนยอมรับ อุทกภัยครั้งนี้ ในแง่ของอุทกภัยจริงแล้ว รุนแรง แม้จะไม่ได้รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยก็ตาม แต่ก็ได้สร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ความเสียหายมาจาก 1.ความรุนแรง และ 2.ทรัพย์สินที่เสียหาย ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับในอดีต น้ำท่วมทุ่งนา แต่ครั้งนี้ ฟาดนิคมอุตสาหกรรม ที่แต่ละแห่งมูลค่ากว่าแสนล้านบาท ยังเหลืออีก 2 แห่งก็ยังไม่รู้จะออกหัวออกก้อย รวมทั้งห้างสรรพสินค้าด้วย
“คนทั่วๆ ไป รู้สึกอุทกภัยครั้งนี้ ไม่ได้รับการแก้ไขโดยการร่วมมือกันทางการเมืองเท่าที่ควร ผมไม่พูดว่า ขัดแย้ง และผมไม่อยากจะคิดว่า ความเสียหายลดลงได้ หากความร่วมมือในการแก้ไขมีการบูรณาการกันจริง ดังนั้นจึงอยากฝากบรรดาพรรคการเมือง วิงวอนว่า ยามวิกฤติ หากการเมืองร่วมมือกัน ความเสียหายจะลดลง และแม้ว่า วิกฤติน้ำท่วมจะสร้างความเสียหายมากมายมหาศาล เราก็ต้องนำมาเป็นบทเรียนให้ได้ ถึงจะเรียกว่า คุ้มค่า”
เมื่อถามถึงการสร้างความเชื่อมั่นของรัฐบาล โดยการแต่งตั้ง คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศไทย (กยอ.) และคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ขึ้นมานั้น ดร.อาณัติ กล่าวว่า ในช่วงวิกฤติแบบนี้ เป็นของธรรมดาที่ผู้ปกครองประเทศจะต้องเรียกขวัญประชาชนคืนมา และต้องพยายามให้คนรู้สึกว่า มีความร่วมมือในประเทศ ซึ่งสำหรับภาคเอกชนแล้ว ก็เฝ้าดู เพราะเพิ่งเริ่มต้น
“เฉพาะรายชื่อคณะกรรมการ ผมมองว่า คงไม่ทำอะไรมากไม่ได้เท่าไหร่ แต่ที่โดน คือ เงินฟื้นฟูน้ำท่วม ครั้งนี้จำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่า เป็นการกู้มาทั้งนั้น ไม่มีทางรัฐบาลจะควักกระเป๋า ขณะเดียวกันตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ไม่ติดลบก็บุญแล้ว”
ดร.อาณัติ กล่าวด้วยว่า หากติดตามข่าวการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ที่ฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ คนที่ 2 เดินทางไปประชุมแทนนั้นจะพบว่า ได้ถูกซักถามจากเวทีนานาชาติมากมาย เพราะหลายประเทศห่วงธุรกิจ ซึ่งได้ใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้จึงไปกระทบเขาโดยตรง
“ผมเชื่อว่า หลังจากนี้ ประเทศไทยจะได้รับความช่วยเหลือจากนานาประเทศอย่างมาก หากเรารู้จักไปเจรจา ทั้งเรื่องการลงทุน การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เพราะประเทศเหล่านั้นต้องการปกป้องผลประโยชน์เขาในเมืองไทย”
