ชง"ตรุษจีน"เป็นวันหยุดชายแดนใต้เหมือนรายอ นราฯอ่วมน้ำท่วมหนัก 8 อำเภอ
ที่ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้เดินหน้าส่งเสริมระบบการศึกษาเยาวชน ไฟเขียวงบ 400 ล้านทำโครงการโรงเรียนภาษาอาเซียน รองรับ "เออีซี" ปี 2558 ศอ.บต.ชง "ตรุษจีน" เป็นวันหยุดราชการเพิ่มที่ชายแดนใต้อีกปีละ 1 วันเหมือนฮารีรายอ ด้านสถานการณ์น้ำท่วมยังวิกฤติ นราธิวาสประกาศ 8 อำเภอเป็นเขตภัยพิบัติ ยิงรายวันยังเพียบไม่สนอุทกภัย
เมื่อวันศุกร์ที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ได้เป็นประธานการประชุม กพต.ครั้งที่ 4 ประจำปี 2554 ซึ่งถือเป็นการจัดการประชุมครั้งแรกในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และคณะทำงานยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง รวมทั้ง นายวีระยุทธ ปั้นน่วม รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบนโยบายระดับยุทธศาสตร์หลายเรื่อง อาทิ
1.โครงการมาตรการรักษาความปลอดภัยครูในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจัดทำโครงการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเพิ่มเติมในโรงเรียน มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิกาและสำนักงบประมาณพิจารณาแหล่งเงินเพื่อดำเนินการโครงการต่อไป
2.โครงการโรงเรียนภาษาอาเซียนชายแดนภาคใต้ รองรับการรวมกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ในปี 2558 โดยมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับสำนักงบประมาณพิจารณาหาเงินงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงาน เป็นงบประมาณผูกพันตั้งแต่ปีงบประมาณ 2555-2558 จำนวน 421.6 ล้านบาท
3.โครงการพัฒนาห้องเรียนพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นงบประมาณผูกพันปี 2555-2558 วงเงิน 49 ล้านบาทเศษ
4.โครงการทุนอุดมศึกษาพัฒนาชายแดนภาคใต้ ปีการศึกษา 2555-2558 (4 รุ่น) ปีละ 500 ทุน งบประมาณ 320 ล้านบาท โดยเน้นสาขาขาดแคลน เช่น แพทย์ เทคนิคการแพทย์ กายภาพบำบัด กิจกรรมบำบัด เป็นต้น
5.โครงการทุนการศึกษาระดับ ปวส.สำหรับนักเรียนในเขตพัฒนาพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นงบประมาณต่อเนื่องปี 255-2558 วงเงิน 70 ล้านบาท
นอกจากนั้นที่ประชุมยังให้ความเห็นชอบแผนยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนและชุมชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างปี 2555-2559 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) ได้จัดทำแผนงานเป็นกรอบทิศทางการดำเนินการ โดยมุ่งช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ในข่ายยากจนและมีรายได้น้อยซึ่งส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบการเงินปกติ เนื่องจากขาดหลักทรัพย์ค้ำประกันและมีภาระหนี้สินล้นพ้นตัว ให้สามารถได้รับการสนับสนุนแหล่งเงินที่คิดค่าตอบแทนต่ำเพื่อการประกอบอาชีพ อันจะทำให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองและดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข
ชง ครม.ให้"ตรุษจีน"เป็นวันหยุดที่ชายแดนใต้
พร้อมกันนี้ที่ประชุมยังได้ให้ความเห็นชอบกำหนดให้วันตรุษจีนเป็นวันหยุดราชการประจำปีเพิ่มเติมขึ้นอีก 1 วันเฉพาะพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
อนึ่ง ปัจจุบันทางราชการได้กำหนดให้มีวันหยุดราชการประจำปีรวมทั้งสิ้น 16 วัน สำหรับ จ.ปัตตานี จ.สตูล จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส มีวันหยุดราชการประจำปีเพิ่มขึ้นอีก 2 วัน เนื่องในวันตรุษอีดิ้ลฟีตรี (วันรายอปอซอ) 1 วัน และวันตรุษอีดิ้ลอัฎฮา (วันรายอฮัจยี) 1 วัน เพื่อเป็นการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอันเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่น และเปิดโอกาสให้ข้าราชการได้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอิสลามตามสมควร
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า การเพิ่มวันหยุดในเทศกาลตรุษจีนก็เพื่อความเท่าเทียมสำหรับคนไทยเชื้อสายจีนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งมีอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน จะได้ปฏิบัติศาสนกิจหรือทำกิจกรรมตามประเพณีได้โดยไม่ต้องเสียวันลา ประกอบกับหลายประเทศในอาเซียน ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย บรูไน มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม ได้กำหนดให้วันตรุษจีนเป็นวันหยุดราชการประจำปีเช่นกัน
นราธิวาสประกาศเขตภัยพิบัติ 8 อำเภอ
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ จ.นราธิวาส สภาพการณ์ยังคงวิกฤติ โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 26 พ.ย. นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ได้ประกาศให้พื้นที่ 8 อำเภอของจังหวัดเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ ประกอบด้วย อ.ยี่งอ อ.บาเจาะ อ.ระแงะ อ.สุไหงโก-ลก อ.แว้ง อ.จะแนะ อ.เจาะไอร้อง และ อ.ตากใบ เนื่องจากน้ำจากแม่น้ำสุไหงโก-ลก และแม่น้ำบางนรา ยังคงทะลักเข้าท่วมพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่เกษตรกรรมและบ้านเรือนของประชาชนถูกน้ำท่วมสูง
นอกจากนั้น ที่บ้านฮูลูปาเร๊ะ ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ กระแสน้ำแรงได้หลากเข้าท่วมบ้านเรือนอย่างต่อเนื่อง และถนนถูกตัดขาด ทำให้ประชาชนไม่สามารถออกไปซื้อหาอาหารได้
ทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยฯ จ.นราธิวาส ได้สรุปสถานการณ์ในพื้นที่ว่า จนถึงขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัยทั้งหมด 12 อำเภอ 48 ตำบล 173 หมู่บ้าน มีผู้ประสบภัย 29,764 คน รวม 7,372 ครัวเรือน เจ้าหน้าที่ได้อพยพชาวบ้าน 80 ครัวเรือน ประชาชนจำนวน 288 คน และพื้นที่ทางการเกษตรเสียหาย 4,059 ไร่ นอกจากนั้นยังมีผู้เสียชีวิตเนื่องจากมีโรคประจำตัว 1 ราย เฉพาะที่ อ.สุไหงโก-ลก น้ำได้หลากเข้าท่วมเขตเทศบาลเมือง หลายจุดน้ำสูง 1-2 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 3 ตำบล 6 ชุมชน ต้องอพยพราษฎร 21 ครัวเรือน 121 คน
ส่วนที่ จ.ยะลา มีน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มใน 5 อำเภอ 22 ตำบล 55 หมู่บ้าน ได้แก่ อ.เมืองยะลา อ.บันนังสตา อ.ยะหา อ.รามัน และ อ.ธารโต มีราษฎรเดือดร้อน 599 ครัวเรือน 3,680 คน อพยพราษฎร 114 ครัวเรือน 553 คน
จ.สงขลา เกิดน้ำป่าไหลหลากใน อ.สะบ้าย้อย 5 ตำบล ราษฎรเดือดร้อน 90 ครัวเรือน 300 คน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
เร่งระบายน้ำเขื่อนปัตตานีหลากท่วมพื้นที่เกษตรกรรม
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันศุกร์ที่ 25 พ.ย.นายปัญญศักย์ โสภณวสุ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ปัตตานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ของหน่วยบินอโณทัย ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อบินตรวจการเคลื่อนของมวลน้ำเหนือเขื่อนชลประทาน จ.ปัตตานี และติดตามการระบายน้ำในแม่น้ำปัตตานีสู่ปากอ่าวปัตตานี
ผลการบินตรวจพบว่ายังคงมีมวลน้ำเหนือจากพื้นที่ จ.ยะลา อีกจำนวนมากไหลเข้าเขื่อนชลประทานจนเกินปริมาณที่จะสามารถกักเก็บไว้ได้ และยังเอ่อล้นสปิลล์เวย์ไหลเข้าท่วมหมู่บ้าน เรือกสวนไร่นาของประชาชนในพื้นที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ทั้งยังมีแนวโน้มขยายวงกว้างขึ้นด้วย
มีรายงานว่า เขื่อนชลประทาน จ.ปัตตานี ได้เปิดประตูเขื่อนเพื่อระบายน้ำตั้งแต่ช่วงกลางดึกของวันอังคารที่ 22 พ.ย.ในปริมาณ 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที มากกว่าห้วงเวลาปกติถึง 4-5 เท่า แต่ไม่ได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชน ทำให้น้ำท่วมสูงอย่างรวดเร็ว และประชาชนเก็บของหนีน้ำไม่ทัน
ซุ่มยิงทหารพรานที่จะแนะเจ็บ 3
ด้านสถานการณ์ความไม่สงบยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีฝนตกน้ำท่วมแทบทุกพื้นที่ โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 26 พ.ย.เวลา 19.10 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดซุ่มยิงชุดปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 4609 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 ตั้งฐานอยู่ที่บ้านกูมุง หมู่ 2 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ขณะเดินทางกลับจากการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เข้าไปเคลื่อนไหวในพื้นที่บ้านไอร์ซือเร๊ะ หมู่ 3 ต.ช้างเผือก ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ทราบชื่อคือ
1) จ.ส.อ.คมสิงห์ นรพิมพ์ สังกัด ถูกยิงบริเวนต้นแขนซ้าย
2) อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) พลากร มังคลาด ถูกยิงบริเวณต้นแขนซ้ายเช่นกัน
3) อส.ทพ.อมรรัตน์ วิชิตเชื้อ ถูกยิงเข้าที่ศีรษะ อาการสาหัส
ทั้งนี้ เหตุเกิดบนถนนในหมู่บ้าน บ้านกูมุง หมู่ 2 ต.ช้างเผือก เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ค้นแหล่งกบดานอาร์เคเคยึดเอ็ม 16 อาก้า
วันเดียวกัน กำลังพลจากหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน ค่ายจุฬาภรณ์ จ.นราธิวาส ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 เข้าปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายต้องสงสัยเป็นแหล่งกบดานของสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบ ในพื้นที่บ้านกือดายูริง หมู่ 8 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ทั้งนี้เพื่อติดตามจับกุม นายมะยูดิน รีลา แกนนำอาร์เคเค (หน่วยติดอาวุธขนาดเล็กที่ได้รับการฝึกรบแบบจรยุทธ์) ที่มีหมายจับออกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) กว่า 10 หมาย ซึ่งเคยพาลูกน้องออกก่อเหตุลอบวางระเบิดและยิงชาวบ้านในพื้นที่ อ.บาเจาะ มาแล้วหลายครั้ง
ผลการตรวจค้นไม่พบนายมะยูดินกับพวก คาดว่าไหวตัวทันหลบหนีไปก่อน แต่จากการกระจายกำลังตรวจค้นบ้านร้าง พบกระสอบปุ๋ยสีขาว ภายในมีอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก และปืนอาก้าอีก 1 กระบอก รวมทั้งมีดสปาต้าและอุปกรณ์การเสพยาจำนวนหนึ่ง จึงประสานชุดนิติวิทยาศาสตร์ เข้าตรวจพิสูจน์ เพราะสงสัยว่าอาจเป็นปืนที่ปล้นจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 หรือปล้นไปจากฐานปฏิบัติการพระองค์ดำ ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 19 ม.ค.2554
รัวอาก้าดับ 3 ลูกจ้างรับซื้อไม้ยางพารา
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 พ.ย.เวลา 09.40 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถกระบะไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนอาก้าและปืนพกขนาด 11 มม.ยิงถล่มรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีดำ หมายเลขทะเบียน บต 6565 ปัตตานี ขณะแล่นอยู่บนทางหลวงหมายเลข 4055 ระหว่าง ต.ตันหยงมัส กับ ต.ดุซงญอ ท้องที่บ้านปูโง๊ะ หมู่ 1 ต.กาลิซา อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ประกอบด้วย
1.นายมือเซ๊าะ อาลี อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/1 หมู่ 3 ต.ผดุงมาตร อ.จะแนะ จ.นราธิวาส
2.นายมะซอแล๊ะ อาลี อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 หมู่ 5 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส
3.นายอาหามะ แวมามุ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/1 หมู่ 5 ต.ผดุงมาตร อ.จะแนะ จ.นราธิวาส
ทั้งนี้ เหตุเกิดขณะนายมือเซ๊าะกำลังขับรถกระบะพาน้องชาย 2 คน คือ นายมะซอแล๊ะ กับนายดานียา อาลี อายุ 30 ปี และเพื่อนคือ นายอาหามะ ไปจ่ายเงินค่าต้นยางพาราในพื้นที่ บ้านบาโงอาแซ หมู่ 6 ต.ตันหยงมัส เนื่องจากทั้งหมดเป็นลูกจ้างตัดและรับซื้อไม้ยางพารา ระหว่างทางมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนขับรถกระบะตามประกบ และใช้อาวุธปืนอาก้าและปืนพกขนาด 11 มม.ยิงถล่มจนรถเสียหลักตกข้างทาง นายมือเซ๊าะ นายมะซอแล๊ะ และ นายอาหามะ เสียชีวิต ส่วนนายดานียาซึ่งนั่งในกระบะท้าย รอดคมกระสุนมาได้อย่างหวุดหวิด โดยคนร้ายไม่ได้แตะต้องเงินสดกว่า 5 แสนบาทภายในรถ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหารหมู่ครั้งนี้
ยิงรายวันระบาดหนัก วันเดียว 5 ศพใน 2 อำเภอปัตตานี
เวลา 12.20 น.วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนอาก้า และ เอ็ม 16 ยิง นายอับดุลเลาะ แวหะยี อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40/3 หมู่ 1 ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี และ นายอิสมาแอ สุไลมาน อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/2 หมู่ 1 ต.กอลำ เช่นกัน เสียชีวิตคาที่ขณะกำลังต้มน้ำใบกระท่อมอยู่ในสวนยางพาราบ้านกอลำ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร แต่ให้น้ำหนักไปที่การขัดผลประโยชน์เรื่องยาเสพติด
เวลา 19.15 น.คนร้ายจำนวน 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดยิง นายอับดุลเลาะ ตาอีดา อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 บ้านยะรม หมู่ 3 ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา เสียชีวิตคาที่ขณะยืนยอยู่หน้าบ้านเลขที่ 44 บ้านเกาะบาตอ หมู่ 5 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นบ้านของภรรยา เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร แต่ให้น้ำหนักไปที่เรื่องส่วนตัว เนื่องจากผู้ตายมีหมายจับในคดีรับของโจร
เวลา 22.30 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนอาก้ายิง นายอภิสิทธิ์ ดอเลาะ อายุ 43 ปี และ นางนูรียะ ดอเลาะ อายุ 38 ปี ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน จนเสียชีวิตคาที่ทั้งสองคน เหตุเกิดขณะกำลังพักผ่อนอยู่ภายในบ้านของตนเองเลขที่ 40/1 บ้านบีติง หมู่ 5 ต.ตะโละดือรามัน อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 กับ 3 ภาพมุมสูงจากเฮลิคอปเตอร์มองเห็นพื้นที่เกษตรกรรมและบ้านเรือนประชาชนใต้เขื่อนปัตตานีกำลังถูกน้ำท่วมสูง (ภาพจาก อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)
2 บรรยากาศการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันศุกร์ที่ 25 พ.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล (เอื้อเฟื้อภาพโดย ศอ.บต.)