การล้มลงของพังสำรวย
"...ผู้คนมากมายบอกว่ารักช้าง แต่กลับมีคนเข้าใจหัวอกช้างอยู่น้อยมาย ทำให้การบังคับกดขี่สัตว์คู่บ้านคู่เมืองยังคงดำนินต่อไปท่ามกลางบรรยากาศท่องเที่ยวอันบ้าคลั่ง.."
ตั้งแต่คืนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ชุมชนชาวเน็ตกลุ่มหนึ่งต่างช่วยกันประสานงานเพื่อรักษาชีวิตของช้างพัง "สำรวย"วัย 50 ปี ที่นอนป่วยอยู่ปราสาทสัจธรรม จังหวัดชลบุรี
เจ้าของพังสำรวยเป็นคนสุรินทร์ เขาเอาช้างมารับจ้างบริการนักท่องเที่ยวที่นี่มาแล้วหลายปี จากการให้ข่าวเขาระบุว่าพังสำรวยป่วยเนื่องจากตกใจเสียงพลุในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา
ชุมชนชาวเน็ตต่างร่วมกันประสานงานไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมอ ผู้มีอำนาจภาครัฐ และคนรักช้าง เพื่อยื้อชีวิตสัตว์คู่บ้านคู่เมืองเชือกนี้ให้อยู่ต่อไป แต่ท้ายสุดก็ไม่สามารถดึงดันไว้ได้
พังสำรวยล้มเมื่อบ่ายวันที่ 7 ระหว่างที่เจ้าของกำลังพาขึ้นรถสิบล้อกลับไปรักษาที่สุรินทร์ ท่ามกลางเสียงห้ามปรามเพราะอาการหนักหน่วงไม่ควรเดินทางไกล
การตายของพังสำรวยทำให้เกิดคำถามมากมาย คือ
1.พังสำรวยป่วยมาตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม แต่กลับไม่มีการรักษาโดยวิธีที่ถูกต้อง จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิแห่งหนึ่งไปเจอและโพสต์ทางสื่อสังคมออนไลน์
2.ไม่มีการผ่าตัดเพื่อพิสูจน์สาเหตุการล้มลงครั้งนี้ เพราะเจ้าของไม่ยอม
แม้เราจะมีกฎหมายคุ้มครองป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ออกมาใช้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2557 แต่ในทางปฎิบัติกลับยังไปไม่ถึงไหน โดยเฉพาะช้าง สาเหตุสำคัญคือยังไม่มีการออกกฎกระทรวงหรือกฏหมายลูกมาบังคับใช้
ทุกวันนี้เรายังเห็นปางช้างไร้มาตรฐานอยู่เกลื่อนเมือง ซึ่งตั้งขึ้นมาเพียงเพื่อดึงเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ากระเป๋าตัวเอง โดยมีช้างเป็นเครื่องมือ
ผู้คนมากมายบอกว่ารักช้าง แต่กลับมีคนเข้าใจหัวอกช้างอยู่น้อยมาย ทำให้การบังคับกดขี่สัตว์คู่บ้านคู่เมืองยังคงดำนินต่อไปท่ามกลางบรรยากาศท่องเที่ยวอันบ้าคลั่ง
การจากไปของพังสำรวยเป็นเพียงหยดน้ำตาไม่กี่แหมะที่หลั่งออกมาให้เห็น แต่ในความเป็นจริงเราต้องร่ำไห้กันหนักมาก หากรู้ซึ้งถึงหัวอกช้างไทย
-----------------
ขอบคุณภาพจากเฟสบุค หมู สาริกา