โฆษก คสช. เชื่อตร.ทำงานเต็มที่ คดีเสี่ยเบนซ์ชนนิสิตป.โท
โฆษก คสช. เชื่อตร.ทำงานเต็มที่ คดีเสี่ยเบนซ์ขับรถชน 2 นิสิตป.โท ชี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เตือนการนำเสนอสังคมต้องใช้ความระมัดระวัง -ป.ป.ท.เกาะติดใกล้ชิด
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่มีการแชร์ข้อความ และภาพของนายเจนภพ วีรพร ผู้ขับรถเบนซ์ ชนรถเก๋งฟอร์ดจนเป็นเหตุให้ 2 นักศึกษาปริญญาโทเสียชีวิต ถ่ายภาพคู่กับอดีตนายกรัฐมนตรีจนทำให้สังคมเกรงว่าคดีความอาจจะไม่คืบหน้าได้นั้น ว่า คดีนี้ถือว่าเป็นคดีใหญ่ที่สังคมให้ความสนใจ แต่ขอให้สังคมอย่าเพิ่งกังวล เพราะขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการในทางคดีเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหายอย่างดีที่สุด
ส่วนที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า "LuxoticAutomotive รับนำเข้ารถหรู รถแรง ทำทะเบียนได้หมด" ระบุถึงเหตุการณ์รถเบนซ์ชนกับรถฟอร์ดนั้น คงเป็นการเสนอแนวทางที่จะไกล่เกลี่ยกับญาติผู้เสียหาย แต่ด้วยรายละเอียดเนื้อความบางตอนค่อนข้างมีผลต่อความรู้สึกของสังคมอยู่บ้าง โดยเฉพาะบางบุคคลมองว่าเป็นข้อเสนอแกมบังคับ พร้อมให้ความเห็นเปรียบเปรยว่าชีวิตคนคงไม่อาจเปรียบเทียบเป็นจำนวนเงินได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ดังนั้นการนำเสนอข้อมูลอะไร สังคมอาจต้องใช้ความระมัดระวัง อีกทั้งเมื่อพิจารณาดูเนื้อหาโดยรวมแล้วอาจทำให้สังคมเข้าใจได้ว่าเหมือนจะสื่อสารถึงว่าตนเองเป็นคนกว้างขวางอีกด้วย
พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามล่าสุดทราบว่าบิดาของผู้ต้องหาได้ออกมาให้ข้อมูลอ้างว่าผู้ต้องหาไม่ได้เป็นผู้โพสต์ข้อความเอง หรือถ้าเป็นคนอื่นมีจุดประสงค์อะไร เนื่องจากบางข้อความมีการอ้างไปพาดพึงองค์กรอื่นด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะต้องหารายละเอียดเพิ่มเติมว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรต่อไป
ทางด้าน นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวว่า ในฐานะที่ป.ป.ท.มีหน้าที่ตรวจสอบการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่รัฐเมื่อเกิดข้อสงสัยของประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ป.ป.ท.ก็มีหน้าที่ต้องติดตามข้อเท็จจริงเบื้องต้นได้ใช้อำนาจตามคำสั่งที่ 69 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาทุจริตประพฤติผิดมิชอบส่งหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่ามาจากเหตุใด
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนคดีจาก สภ.พระอินทร์ราชา ไปเป็นตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่ป.ป.ท.ก็จะติดตามความคืบหน้าการทำงานของตำรวจอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในการทำหน้าที่เนื่องจากเข้าใจว่าคดีดังกล่าวอยู่ในความสนใจของประชาชน
ขอขอบคุณข่าวจาก

