แม่ประนอมป่วย! ทนายลูกสาว ไม่แจงข้อมูลอิศราปมเปลี่ยนหุ้น ปี 52
"ปนัดดา" บุกบ้าน "แม่ประนอม" นครปฐม หลังเจ้าตัวป่วยมาทำเนียบฯ ไม่ได้ ขณะที่ "บิ๊กตู่" ชี้เป็นเรื่องครอบครัวละเอียดอ่อนต้องรอบคอบ ก่อนอารมณ์เสียพบโลกโซเชียลตัดต่อภาพล้อเลียน "น้ำพริกนรก-พ่อประยุทธ์" สั่งโฆษกรัฐบาลจัดการ เผย "แม่ประนอม" ฟ้อง "ลูกสาวคนโต" อุตลุดทั้งแพ่ง-อาญา ข้อหา "ฉ้อโกง-ปลอมลายเซ็น-ฮุบที่ดิน 20 แปลง-โกงหุ้น" ก่อนเอาผัว-ลูกสาวตัวเองมาครองสมบัติแทน ด้าน "ทนายศิริพร" ลูกสาวคนโตปัดตอบโต้ อ้างคดีอยู่ชั้นศาล
เมื่อวันที่ 29 มี.ค.59 ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปพบนางประนอม แดงสุภา ที่ที่ร้านพีเอส เรสเตอรองต์ ถนนพุทธมณฑลสายสาม โดยมีสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่มารอทำข่าวเป็นจำนวนมาก แต่เนื่องแม่ประนอมป่วยไม่มาสามารถไปที่ร้านอาหารได้ จึงได้เดินทางไปเยี่ยมที่บ้านพักเป็นการส่วนตัว
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่าปัญหาของน้ำพริกแม่ประนอมว่า สื่อรู้สาระแล้วหรือยังว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็ต้องพิสูจน์กันไป ทำไมต้องไปตัดสินเขา มันเป็นเรื่องในครอบครัว เขามีลูกกันกี่คน การบริหารธุรกิจในครอบครัวเขาคิดตรงกันหรือไม่ ถ้าไม่ตรงกันก็ไปขึ้นศาล หรือจะต้องให้ตนตัดสิน
"จะให้ผมสั่งอะไรอีก จะน้ำพริก จะปลาทู อะไรอีกล่ะ แล้วก็บอกว่าผมทำแต่เรื่องเล็ก ทั้งที่เรื่องใหญ่ก็ทำ ปกติเล็กๆ มิต้าเขาไม่หรอก แต่อันนี้ทำหมดเล็กก็ทำ ใหญ่ก็ทำ เพราะเรื่องเล็กมันเป็นผลกระทบต่อประชาชน ใหญ่ๆ เรื่องโครงสร้างผมก็ทำ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างนั้นนายกฯ ได้ขอดูรูปในโทรศัพท์มือถือผู้สื่อข่าวที่โลกโซเชียลมีเดียได้ทำภาพตัดต่อล้อเลียนกระปุกน้ำพริกนรก "พ่อประยุทธ์" และระบุสโลแกน "ของแท้มีอะไรกันนักกันหนา ปั๊ดโธ่" โดยมีรูปนายกฯ อยู่บนฉลากด้วย โดยนายกฯ กล่าวว่า "เรื่องนี้ฉันควรจะโกรธ ฉันขี้เกียจโกรธ มันไม่ผิดเพราะมันเขียนชื่อไม่ใช่ชื่อฉัน แต่เอารูปฉันไปแพร่ ผิดรึเปล่าให้ไก่อูไปดู"
ส่วนกรณีที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด และข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้น พบข้อเท็จจริงว่า ตั้งแต่จดทะเบียนจัดตั้ง ปี 2524 -2548 นางศิริพร แดงสุภา นายศิริชัย ภาษาประเทศ สามี ถือครองหุ้นใหญ่อันดับ 1 ร่วมกันมาตลอด ขณะที่นางประนอม ถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับ 2 ต่อมาวันที่ 1 ก.ย.2548 บริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น จำนวน 2 ราย คือ น.ส.อุรชา ภาษาประเทศ และน.ส.ธนาภรณ์ ภาษาประเทศ เข้ามาถือหุ้น แทน น.ส.ศิริพร และนางฉวีวรรณ วงศ์ประดิษฐ์ ที่ถอนชื่อออกไป ก่อนที่บริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นครั้งใหญ่ เมื่อวันที่ 18 พ.ย.52 จำนวนผู้ถือหุ้นลดลงเหลือ 5 คน นางศิริพรเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว ขณะที่หุ้นส่วนที่เหลือกระจายอยู่ในความครองของคนสกุลภาษาประเทศ (สามีและลูกของนางศิริพร) ไม่ปรากฏคนนามสกุลแดงสุภา เข้ามาร่วมถือหุ้นแม้แต่คนเดียว
ด้านนายทวิชา หวังโภคา ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ นางศิริพร แดงสุภา และนายสุชาติ บุตรสาวและบุตรเขย กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดถึงที่มาที่ไปของการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทได้ เพราะเป็นรายเอียดของคดี ส่วนในวันที่ 4 เม.ย.นี้ ศาลจังหวัดนครปฐม นัดไต่สวนคดีที่นางประนอม แดงสุภา อายุ 87 ปี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนางศิริพร แดงสุภา บุตรสาวคนโต, นายสุชาติ ภาษาประเทศ สามีของนายศิริพร และนายกำธร ประยูรสตางค์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ต่อศาลจังหวัดนครปฐม ในความผิดเกี่ยวกับเอกสาร, ฉ้อโกงและความผิดต่อเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 267, 268, 137, 341 ประกอบมาตรา 83
โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 1-26 ธ.ค.57 จำเลยทั้งที่ 1-3 ร่วมกันปลอมลายมือชื่อโจทก์และหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายศิริชัย สามี ว่ามอบอำนาจให้จำเลยที่ 3 โอนที่ดิน 9 แปลงให้แก่จำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 3 ได้ไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานที่ดินจนหลงเชื่อและดำเนินการโอนที่ดิน 9 แปลง ต.ท่าพระยา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ให้จำเลยที่ 1 ซึ่งการกระทำนั้นทำให้โจทก์และกองมรดกของนายศิริชัย สามี ได้รับความเสียหาย จึงขอให้ลงโทษตามกฎหมาย
ภายหลังมีการไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้ว ศาลจังหวัดนครปฐม จึงได้มีคำสั่งวันที่ 16 กันยายน 2558 ให้ประทับรับฟ้องเฉพาะนางศิริพร บุตรสาวคนโตจำเลยที่ 1 และนายกำธร จำเลยที่ 3 เฉพาะความผิดฐานผู้ใดทำเอกสารปลอมหรือแก้ไขตัดทอนหรือประทับตราปลอมโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน มาตรา 264, ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ มาตรา 265, ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารปลอม มาตรา 268 และผู้ใดทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริง มาตรา 341
แต่ความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 และความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 ความผิดทั้งสอง รัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย โจทก์จึงไม่อาจฟ้องจำเลยทั้งสาม ในความผิดทั้งสองฐานนี้ได้ จึงให้ประทับรับฟ้องเฉพาะมาตรา 264, 265, 268 และ 341 ส่วนนายสุชาติ จำเลยที่ 2 ทางไต่สวนของโจทก์ไม่ปรากฏว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และ 3 กระทำผิดตามฟ้องจึงให้ยกฟ้อง แต่ภายหลังนางประนอม โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง ซึ่งเบื้องต้นศาลวินิจฉัยเห็นว่าโจทก์ได้มอบอำนาจจึงอนุญาตให้ถอนฟ้อง แต่ต่อมานางประนอมโจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลใหม่ว่า ไม่ได้ถอนฟ้องโดยสมัครใจ ศาลจึงนัดไต่สวนกรณีดังกล่าวในวันที่ 4 เมษายนนี้ โดยในวันดังกล่าว นายทวิชา ระบุว่า นางศิริพรจะเดินทางมาที่ศาลด้วย
นอกจากนี้ ยังมีคดีแพ่งที่นางประนอม แดงสุภา อายุ 78 ปี และ น.ส.ศิริวัลย์ แดงสุภา อายุ 53 ปี บุตรสาวคนที่ 2 ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางศิริพร อายุ 55 ปี บุตรสาวคนโต และนายสุชาติ อายุ 62 ปี สามีของนางศิริพร เป็นจำเลยที่ 1-2 ต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน ความผิดเรื่องเพิกถอนนิติกรรม ถือกรรมสิทธิ์แทนโดยคืนทรัพย์ และเรียกค่าเสียหายทุนทรัพย์รวม 561,950,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันที่ 31 มี.ค.58 ซึ่งถัดจากวันฟ้องคดี รวมทั้งขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดิน ต.หลักสอง อ.ภาษีเจริญ กทม. ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงงานบริษัทพิบูลย์ชัย น้ำพริกเผาแม่ประนอม จำกัด ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมของนางประนอมและนายศิริชัย สามี และให้จำเลยทั้งที่ 1-2 โอนหุ้นบริษัทพิบูลย์ชัย น้ำพริกเผาแม่ประนอม จำกัด คืนกับโจทก์ที่ 1-2 และกองมรดกของนายศิริชัย สามีด้วย
ซึ่งโจทก์ ยื่นฟ้องระบุว่า ศาลจังหวัดตลิ่งชัน ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง นางประนอมโจทก์ที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกของนายศิริชัยสามี กระทั่งเมื่อเดือน มี.ค.58 โจทก์ที่ 1 ไม่ไว้วางใจพฤติกรรมของจำเลยที่ ส่อในทางจะฉ้อโกงจึงให้ทนายตรวจสอบทรัพย์กองมรดกทั้งหมด ต่อมาพบว่าจำเลยทั้งสอง ร่วมกันปลอมเอกสารหนังสือมอบอำนาจโจทก์เพื่อโอนที่ดิน 11 แปลงในจังหวัดนครปฐม และที่ดินเขตภาษีเจริญ กทม. ที่เป็นทรัพย์กองมรดกไปเป็นชื่อของจำเลยที่ 1 โดยโจทก์ได้ดำเนินคดีกับจำเลยทั้ง สองและผู้เกี่ยวข้องต่อศาลจังหวัดนครปฐม ซึ่งโจทก์ไม่มีเจตนาจะโอนที่ดินให้จำเลยที่ 1 แต่อย่างใด เพราะจะแบ่งทรัพย์สินให้กับทายาทกองมรดกทุกคน และยังพบว่าจำเลยที่ 1 ในฐานะกรรมการบริษัทพิบูลย์ชัย น้ำพริกเผาแม่ประนอม ยังได้เปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัททั้งหมดโดยตัดชื่อนายศิริชัย แดงสุภา สามีโจทก์ที่ 1 และชื่อของโจทก์
ทั้งสองออกจากผู้ถือหุ้น แล้วใส่ชื่อจำเลยที่ 2 กับบุตรของจำเลยทั้งสองเป็นผู้ถือหุ้นแทน ทั้งที่โจทก์ทั้งสองและนายศิริชัยไม่เคยโอนหุ้นบริษัทให้กับจำเลยที่ 2 และบุตร ดังนั้นจำเลยทั้งสอง จึงมีหน้าที่โอนหุ้นคืนให้กองมรดก และโจทก์ทั้งสองรวม 38,550 หุ้น
โดยศาลจังหวัดตลิ่งชัน รับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ 558/2558 ซึ่งคดีมีการนัดไต่สวนคำร้องที่ นางประนอม โจทก์ที่ 1 ได้ขอเพิกถอนการถอนฟ้องคดีนี้เนื่องจากอ้างว่า ไม่ได้ถอนฟ้องโดยสมัครใจ ซึ่งศาลนัดไต่สวนวันที่ 11 เม.ย.นี้
ขอขอบคุณข่าวจาก

