ผนึกกำลังตั้ง 'ศูนย์ความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูประเทศไทย'
“ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม” ย้ำชัดฟื้นฟูประเทศไทย ต้องทำในหลายมิติ ทั้งเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ชีวิตความเป็นอยู่ สภาพจิตใจ การอยู่ร่วมกัน มีการสร้างนวัตกรรม เตรียมพร้อมเผชิญเหตุภัยพิบัติ
วันที่ 15 ธันวาคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส สมาคมจดทะเบียนไทย (CSR CLUB) และสถาบันเชนจ์ ฟิวชั่น ร่วมแถลงข่าวการจัดตั้ง “ศูนย์ความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูประเทศไทย” ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ประธานมูลนิธิหัวใจอาสาและที่ปรึกษา สสส. กล่าวเปิดงาน
นายไพบูลย์ กล่าวว่า 'มหาอุทกภัย' กว่า 2 เดือนเศษ ถือเป็นภัยพิบัติที่รุนแรงเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ มีการประเมินกันแล้วว่าเสียหายประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท การฟื้นฟูจึงเป็นเรื่องจำเป็น โดยเฉพาะชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับชีวิตจิตใจ
“ทุกฝ่ายกำลังเร่งทำกันอย่างขะมักเขม่น ภาครัฐ 20 กระทรวงและกว่า 100 กรมที่มีงบประมาณก็ต้องให้การช่วยฟื้นฟูเยียวยา ในลักษณะการให้ที่ไม่ใช่สิ่งก่อสร้าง ขณะเดียวกันภาคเอกชน ประชาชน ประชาสังคมก็ต้องพยายามพึ่งตนเอง ร่วมมือซึ่งกันและกัน เพื่อเสริมงานของภาครัฐ เอื้ออำนวยความสะดวก ดังนั้น จึงเป็นที่มาของการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าว”
นายไพบูลย์ กล่าวถึงบทบาทของศูนย์ความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูประเทศไทยว่า แม้ขณะนี้จะมีหลายหน่วยงานเกิดขึ้นเพื่อให้การช่วยเหลือฟื้นฟูก็ตาม แต่ศูนย์ฯ จะเข้ามาช่วยในการสร้างฐานข้อมูล อาทิ เรื่องสภาพพื้นที่ ความต้องการเร่งด่วน ความต้องการระยะกลางและระยะยาว รวมทั้งเก็บข้อมูลระบบการจัดการที่มีอยู่ เพื่อหาจุดอ่อน จุดแข็ง นอกจากนี้ยังจะเป็นแหล่งรวบรวมความช่วยเหลือต่างๆ
“ศูนย์ฯ ไม่ได้คิดดำเนินการแค่ระยะสั้น 1 ปีเท่านั้น แต่จะพยายามดำเนินการต่อเนื่อง เพราะการฟื้นฟูประเทศไทย ต้องทำในหลายมิติ ทั้งเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ชีวิตความเป็นอยู่ สภาพจิตใจ การอยู่ร่วมกัน ขณะเดียวกันจะต้องมีการสร้างนวัตกรรม การเตรียมความพร้อมในเผชิญเหตุภัยพิบัติให้ดีที่สุด เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่อยู่เย็นเป็นสุข ปลอดจากภัยพิบัติที่รุนแรง หรือถ้าเกิดภัยก็สามารรับมือได้ดี ทั้งนี้ จะต้องเน้นในเรื่องบทบาทของชุมชน ท้องถิ่นเป็นสำคัญ
ขณะที่รศ.ดร.ธนิต ธงทอง รองอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในช่วงน้ำท่วมที่ผ่าน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง และในฐานะผู้ร่วมจัดตั้งศูนย์ดังกล่าว จุฬาลงกรณ์ก็มีความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือ ทั้งด้านซอฟแวร์และบุคลากร ในการเก็บข้อมูล ความต้องการอุปสงค์ อุปทาน อีกทั้งยังมีองค์ความรู้ ทั้งวิทยาศาสตร์ สังคม รวมถึงการสร้างนวัตกรรม ที่สามารถนำไปช่วยเหลือประชาชน ผู้ประกอบการรายย่อยได้ นอกจากนี้ในเรื่องของผังเมือง ถนนหนทางก็จะมีการศึกษาเพิ่มเติมอีกด้วย ทั้งนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศต่อไป
ด้านนายพันธ์ศักดิ์ เวชอนุรักษ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สถาบันกองทุนเพื่อพัฒนาตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือสังคมของตลาดหลักทรัพย์ฯ ตลาดทุน และสมาคมต่างๆ ก็ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ทุกหน่วยงานผลึกกำลังร่วมกันจัดตั้งกองทุนตลาดทุนร่วมใจสู้ภัยน้ำท่วม เพื่อช่วยเหลือประชาชนทั้งในช่วงประสบภัย การฟื้นฟูหลังน้ำลด รวมถึงความเป็นอยู่และการสร้างอาชีพ ทั้งนี้ เมื่อเข้าร่วมเป็นภาคีกับศูนย์ดังกล่าว ก็หวังว่าจะทำให้เกิดการช่วยเหลือที่ถูกต้องและยั่งยืน
ส่วนนายสุกิจ อุทินทุ รอองประธานสมาคมจดทะเบียนไทย (CSR CLUB) กล่าวว่า วิกฤตครั้งนี้รุนแรง ภาคธุรกิจ บริษัท โรงงาน พนักงานตกเป็นเหยื่อ ซึ่งที่ผ่านมานอกจากจะต้องทำให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปแล้ว เรายังร่วมมือกันหาเงินช่วยเหลือสังคม ซึ่งเมื่อศูนย์ฯดังกล่าวเกิดขึ้นก็ช่วยชี้เป้าให้ภาคธุรกิจเข้าไปให้ความช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยได้อย่างถูกต้อง รู้ว่าโรงเรียน ชุมชนแต่ละแห่งต้องการอะไร
