ไม่หยุด!'วัฒนา' อัด กต.แก้ตัวน่าอาย ปมเรียกปรับทัศนคติ
“วัฒนา” ไม่หยุด อัด กต. กรณีเรียกปรับทัศนคติ แก้ตัวน่าอับอาย ชี้ไทยมีพันธะต้องทำตามหลักสากล ยึดหลักนิติธรรม-เคารพหลักการสิทธิมนุษยชน
เมื่อวันที่ 9 เม.ย. นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “คำแก้ตัวแบบไทยๆ” ว่า รู้สึกอับอายกับคำแก้ตัวของกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐบาล กรณีที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา และคณะเอกอัครราชทูตจากสหภาพยุโรป แสดงความกังวลกับคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 13/2559 และการจัดหลักสูตรปรับทัศนคติของผู้ที่มีความเห็นต่าง ซึ่งกฎหมายระหว่างประเทศ รัฐธรรมนูญและประมวลกฎหมายอาญา ได้บัญญัติเป็นหลักการเดียวกัน ว่า การจับกุม การควบคุมตัวและการค้นจะต้องมีหมายอาญาสำหรับการนั้น โดยมีศาลเป็นผู้ออกหมาย จึงเป็นหลักประกันว่า สิทธิและเสรีภาพของบุคคลจะไม่ถูกละเมิดตามอำเภอใจ แต่คำสั่งดังกล่าวมอบอำนาจของตำรวจและศาลให้กับทหารที่ไม่เคยมีความรู้ หรือมีประสบการณ์ด้านกฎหมาย ให้มีอำนาจที่จะจับกุมควบคุมและเข้าไปในเคหสถานหรือสถานที่ใดๆ รวมทั้งยานพาหนะเพื่อค้นได้โดยพลการจึงเป็นการละเมิดต่อหลักนิติธรรม และหลักความยุติธรรมอาญา แต่กระทรวงการต่างประเทศกลับแก้ตัวว่า เป็นการปฏิบัติตามกระบวนการทางกฎหมาย ยึดหลักนิติธรรม และเคารพหลักการสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
นายวัฒนา ระบุว่า ส่วนการเรียกปรับทัศนคติ คือ การบังคับเอาคนที่คิดเห็นต่างไปควบคุมตัวเพื่อบังคับให้คิดเหมือนกับ คสช. จึงขัดกับหลักสิทธิมนุษยชน ที่บัญญัติให้บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ที่กระทรวงการต่างประเทศ แก้ตัวว่า เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ไม่มีการใช้ความรุนแรงและเคารพสิทธิมนุษยชน คือ การกล่าวเท็จ ที่จริง คือ มาตรการข่มขู่ผู้ที่คิดเห็นต่างให้เกิดความเกรงกลัว มาตรการนี้ ยังถูกพัฒนาไปเป็นหลักสูตรการฝึกอบรมผู้นำการสร้างชาติ เพื่อนำตัวผู้ที่มีความคิดเห็นต่างเข้าค่ายทหารที่มีอยู่ทั่วประเทศเป็นเวลา 7 วัน อีกด้วย ทั้งนี้ การที่นานาชาติเข้ามา เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งประเทศไทย มีพันธะที่ต้องปฏิบัติตาม จึงไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลและคนส่วนใหญ่ของประเทศต้องการทำความสะอาดบ้านของตนเอง ซึ่งไม่สามารถทำได้ในช่วงที่นักการเมืองบริหารราชการอยู่ตามที่โฆษกรัฐบาลแถลง กรุณาเข้าใจตามนี้ต่อไป จะได้ไม่ไปพูดอะไรให้ต้องอับอายมาถึงคนไทยคนอื่นอีก
ขอบคุณข่าวจาก

