กสม.ชม “บิ๊กตู่” ยุติขุดแร่ทองคำ
กสม. ชื่นชมนายกฯ ใช้ภาวะผู้นำยุติการทำเหมือนทองคำ พร้อมจี้รัฐใช้บทเรียนจากปัญหาเหมืองต่างๆ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.แร่
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ออกแถลงการณ์เต่อ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. .... โดยระบุว่าจากการที่รัฐบาลจะไม่ต่ออายุการทำเหมืองแร่ทองคำ และภายในสิ้นปี พ.ศ. 2559 จะไม่มีการทำเหมืองแร่ทองคำ ทั้งการสำรวจแร่ทองคำและประทานบัตรทำเหมืองอีกต่อไป นั้น กสม. ได้ติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากการทำเหมืองมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ กรณีเหมืองแร่ตะกั่วในบริเวณชุมชนชาวบ้านคลิตี้ จ.กาญจนบุรี ที่ถึงแม้ว่าศาลได้มีคำพิพากษาให้กรมควบคุมมลพิษดำเนินการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ โดยใช้งบประมาณแผ่นดิน 593 ล้านบาท จากงบประมาณปี พ.ศ. 2559 - 2561 ซึ่งใช้ระยะเวลาดำเนินการที่ยาวนานมากกว่า 10 ปีหลังปิดเหมือง รวมถึงกรณีเหมืองสังกะสีบริเวณอ.แม่สอด จ.ตาก และกรณีเหมืองถ่านหิน อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูและชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบที่ยาวนานเช่นกัน
ซึ่งในส่วนของร่างพ.ร.บ.แร่ พ.ศ... กสม.ได้มีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะหลายครั้ง พบว่า กลไกการมีส่วนร่วม ขั้นตอนวิธีการ การประเมินผล EIA การกำกับตรวจสอบตามเงื่อนไขเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิต ยังมีข้อจำกัดทั้งในแง่กฎหมายและวิธีปฏิบัติในการบูรณาการของหลายหน่วยงาน ตลอดจนกลไกในการปกป้อง คุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชนในพื้นที่
ซึ่งกสม. ขอชื่นชมนายกรัฐมนตรีที่ใช้ภาวะผู้นำอนุมัติให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และบูรณาการส่วนราชการต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามมติร่วมกันของ 4 กระทรวงที่ให้ ยุติการอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำ และประทานบัตรเหมืองแร่ทองคำ รวมถึงคำขอต่ออายุประทานบัตรด้วย ในกรณีของบริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน)ให้ต่อใบอนุญาตประกอบโลหกรรมจนถึงสิ้นปี พ.ศ. 2559 เพื่อให้สามารถนำแร่ที่เหลืออยู่ไปใช้ประโยชน์ได้ พร้อมทั้งให้บริษัทอัคราฯ เร่งดำเนินการปิดเหมืองและฟื้นฟูพื้นที่ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลประชาชนและบรรเทาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลังที่สิ้นสุดการประกอบกิจการเหมืองแร่และโลหกรรมของบริษัทอัคราฯ
อย่างไรก็ตาม กสม.ขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบหลัก นำบทเรียนกรณีการจัดการทรัพยากร สิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของประเทศไทย พ.ศ. 2558 - พ.ศ.2563 นโยบายวางแนวทางการพัฒนาและปฏิรูปให้เกิดความต่อเนื่อง ความมั่นคง คือ ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ใช้ความรุนแรง ความมั่งคั่งคือ ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามสมควรแก่ฐานะเชื่อมโยงเศรษฐกิจกับตลาดโลก มีการบริหารจัดการภายในประเทศอย่างบูรณาการ และความยั่งยืนคือการคำนึงถึงความเหมาะสม คุ้มค่า ในทุกมิติ และสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ไม่เป็นเหมือนเช่นอดีตที่ผ่านมา
ซึ่งกสมจะเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.แร่ พ.ศ. ....ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทั้งนี้ เพื่อสร้างกลไกป้องกันมิให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมดั่งเช่นที่ผ่านมา
ขอบคุณข่าวจาก

