คลังเสนอครม.ชงลดภาษีช่วยน้ำท่วม
กระทรวงการคลังเสนอครมพิจารณามาตรการด้านภาษี ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย นำค่าใช้จ่ายซ่อมแซมบ้านและรถยนต์หักลดหย่อนภาษี
วันนี้ (22ธ.ค.) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้ากระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมครม.พิจารณาเรื่องการเพิ่มมาตรการด้านภาษี เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยจะให้ผู้ประสบภัยสามารถนำค่าใช้จ่ายซ่อมแซมบ้านและรถยนต์ มาหักลดหย่อนภาษี โดยส่วนของบ้านนั้นกำหนดให้หักลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท และผู้ใช้สิทธิต้องเป็นเจ้าบ้านเท่านั้น ส่วนของรถยนต์นั้น จะให้สิทธิได้ตามจริงเช่นกันแต่ไม่เกิน 3 แสนบาท แต่ไม่ครอบคลุมรถยนต์ที่มีประกันภัย เพราะถือว่าได้รับการคุ้มครองจากบริษัทประกันแล้ว ทั้งนี้จะให้มีผลในการยื่นเสียภาษีเงินได้บุุคลธรรมดาที่ต้องยื่นตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.55
ทั้งนี้ ในการใช้สิทธิผู้ประสบภัยจะต้องมีหลักฐานมาแสดง จึงขอให้ประชาชนที่อยู่ระหว่างซ่อมแซมบ้านและรถยนต์ ต้องขอใบเสร็จ หรือหลักฐานแสดงการชำระเงินต่าง ๆ เพื่อนำมาประกอบการใช้สิทธิ โดยหลังจากที่ครม.มีมติอนุมัติแล้ว กรมสรรพากรจะประกาศรายละเอียดให้ทราบถึงหลักเกณฑ์รายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง แต่ต้องยอมรับว่ามาตรการดังกล่าวเป็นการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้เสียภาษี ส่วนผู้ที่อยู่นอกระบบภาษีนั้น จะไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้ เพราะต้องใช้หลักฐานเอกสารที่ตรวจสอบได้มายืนยัน
นายธีระชัย กล่าวต่อว่า พร้อมกันนี้ กระทรวงการคลังจะเสนอปรับเงื่อนไขมาตรการการปล่อยกู้ดอกเบี้ย 0% นาน 2 ปี ตามที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เสนอมาจากเดิมที่ให้สำหรับผู้กู้ซื้อบ้านหลังแรกเท่านั้น เป็นการให้กู้เพื่อซ่อมแซมบ้านด้วย ภายใต้เงืื่อนไขเดิม เพราะที่ผ่านมามีผู้ขอสินเชื่อเข้ามาน้อย หรือเพียง 1,000 ล้านบาทเท่านั้นจากวงเงินโครงการ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อเป็นการใช้วงเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนั้น กระทรวงการคลังยังมีมาตรการเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยให้ผู้ประกอบการสามารถนำค่าใช้จ่ายในการนำเข้าเครื่องจักรเพื่อทดแทนเครื่องจักรที่เสียหายมาหักค่าเสื่อมราคาได้ถึง 125% จากเดิมที่หักได้ 100% และให้ใช้สิทธิปีแรกได้ถึง 40% ส่วนที่เหลือทยอยหักใน 5 ปี
นายธีระชัย กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) หารือกับผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทั้ง 7 แห่ง เพื่อรวบรวมข้อเรียกร้องที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือจากผลกระทบที่เกิดขึ้น เหมือนกับที่ให้ความช่วยเหลือในการยกเว้นอากรนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีอีกหลายอุตสาหกรรมต้องการขอรับความช่วยเหลือเช่นเดียวกัน แต่คงต้องดูข้อมูลรายละเอียดก่อน เพื่อให้เกิดความชัดเจนอีกครั้ง
ด้าน นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสศค.กล่าวว่า เร็ว ๆ นี้ จะหาหรือกับู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมเพื่อดูว่าสินค้าชนิดใดจำเป็นต้องนำเข้ามาทดแทน ช่วงที่โรงงานยังไม่สามารถเดินเครื่องการลิต โดยเฉพาะอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่น ๆ จึงต้องกำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขให้ชัดเจน และคงกำหนดเวลาการนำเข้าชั่วคราวเหมือนอุตสาหกรรมยานยนต์ก่อนหน้านี้ หรือจนกว่าจะสามารถผลิตได้ โดยหากให้นำเข้าชิ้นส่วนภาครัฐก็ไม่สูญเสียรายได้มากนัก เพราะส่วนใหญ่ได้รับสิทธิจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) อยู่แล้ว แต่หากให้นำเข้าสินค้าสำเร็จรูป เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีอัตราภาษี 30% ก็อาจได้รับผลกระทบมาก.

