นักบุญใช้ช่องโหว่บริจาควัด ฟอกเงิน-ไร้กฎหมายเอาผิด
นักบุญใช้ช่องโหว่บริจาควัด ฟอกเงิน-ไร้กฎหมายเอาผิด ด้าน ไพบูลย์ ชี้ปัญหารับเงินมาแล้ว วัดไม่ลงบัญชีให้ถูกต้อง
จากกรณีที่นพ.มโน เลาหวณิช อาจารย์วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติ จุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตศิษย์วัดพระธรรมกาย ออกมาเปิดเผยถึงเส้นทางเงินบริจาค 3 รูปแบบที่เข้าสู่วัดพระธรรมกายคือ "MPL-การบริจาคเข้าวัด-การทำบุญเงินผ่อน" โดยจะมีการโยกเงินหลากหลายวิธีผ่าน 7 สีกาในรูปแบบต่าง ๆ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบยอดเงินบริจาคที่แท้จริงได้ ทั้งยังถูกใช้เป็นช่องทางในการหลบเลี่ยงภาษี ตามข่าวที่ "เดลินิวส์ออนไลน์" เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวกับ "เดลินิวส์ออนไลน์" ว่า ปัญหาเรื่องเงินบริจาคให้กับวัด หรือที่เรียกกันว่า "เงินทอน" นั้น มีข้อครหากันมาก ก่อนหน้านี้เคยมีตัวอย่างเรื่องเกี่ยวกับเงินงบประมาณแผ่นดิน ที่มีการนำเงินไปให้กับวัด แล้วเจ้าอาวาสได้แบ่งเงินส่วนนั้นกลับไปให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งเรียกได้ว่าเงินทุจริต ต้องยอมรับว่ามีการใช้วัดเป็นที่ "ฟอกเงิน" จริง ทั้งนี้ไม่ได้หมายถึงวัดพระธรรมกาย แต่วัดอื่น ๆ ก็มี และที่ทำกันได้เนื่องจากระบบของวัด ไม่มีการตรวจสอบเรื่องบัญชีให้ถูกต้อง ซึ่งจะต้องให้ผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาตเป็นผู้ตรวจรับจ่าย ดังนั้นการที่จะรับเงินมาจะไปออกใบอนุโมทนาบัตร หรือออกหลักฐานอะไร ก็มั่วกันหมด ไม่สามารถตรวจสอบได้
นายไพบูลย์ กล่าวว่า อีกกรณีที่พบเห็นคือ เมื่อได้รับเงินมาแล้ว ทางวัดก็ไม่ได้ลงบัญชีให้ถูกต้อง จึงมีพวกมิจฉาชีพอาศัยช่องโหว่นี้ ดำเนินการในรูปแบบเอาเงินมาผ่านเข้า เหมือนการบริจาควัด แล้วค่อยเอาเงินกลับออกไป เหมือนการฟอกเงิน ศัพท์ตรงนั้นก็อาจจะเรียกว่า "เงินทอน" เช่นกัน อีกทั้งวัดเอง ไม่ต้องยื่นภาษี จึงทำให้พวกที่ต้องการฟอกเงิน นำเงินมาบริจาคกัน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบริษัทใหญ่ ๆ จะทำกันหรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะการจะดำเนินการในลักษณะนี้ หลักฐานปกติจะหายาก แต่ถ้าเป็นคดีขึ้นมา อย่างลักษณะของวัดพระธรรมกาย ก็เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นฐานความผิดของปปง. โดยทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะเข้ามาดูบัญชีทั้งหมด ถ้าตรวจสอบแล้วว่ามีการจ่ายให้คนใดคนหนึ่ง ปปง.เขาก็ตามตรวจสอบการเคลื่อนไหวทางบัญชี เส้นทางการเงินเขาสามารถตรวจสอบได้หมด จึงเชื่อว่ากรณีนี้ ถ้ามีหลักฐานการเงินที่ได้รับไปแล้ว และมีการฟอกออกไปให้คนอื่น อันนั้นเข้าข่าย "เงินทอน" ชัดเจน ก็ต้องดูว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะมีการดำเนินคดีหรือไม่ อย่างไร ซึ่งเท่าที่ทราบ มีเรื่องลักษณะเช่นนี้อยู่มีมากพอสมควร
ด้านนายสมชาย สุรชาตรี โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวกับ "เดลินิวส์ออนไลน์" ถึงการบริจาคเงินให้กับวัดว่า การบริจาคเงินให้กับวัด ต้องพิจารณาก่อนว่า บริจาคเพื่ออะไร เพื่อการศึกษาสงฆ์ จ่ายค่าน้ำค่าไฟ หรือค่าจิปาถะ หรือบริจาคแล้วต้องการใบเสร็จหรือไม่ หากต้องการใบอนุโมทนาบุญ ก็แจ้งกับทางวัด โดยวัดเมื่อประชาชนทำบุญ ก็ต้องลงบัญชีไว้ ซึ่งวัดทั่วไปก็มีบัญชีไว้ แต่ไม่ต้องรายงานให้กับสำนักพุทธศาสนาฯได้รับทราบ
ต่อข้อถามว่าเงินบริจาคแต่ละวัดจำเป็นต้องเปิดเผย หรือแถลงให้กับสาธารณชนได้รับรู้หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องแจ้งสำนักพุทธฯ เพียงแต่วัดต้องทำรายรับ-รายจ่ายไว้ เพื่อที่ว่าเจ้าคณะปกครองจะขอดู ซี่งวัดเป็นนิติบุคคล เหมือนกับบริษัท ที่ไม่ต้องแจ้งให้สาธารณชนได้รับทราบว่ามีผลกำไรเท่าไร ยกเว้นกรณีที่สำนักพุทธฯจะร้องขอไป เพื่อจัดทำตัวชี้วัด หรือต้องการจะรู้ว่าวัดมีรายรับ รายจ่ายเท่าไร อย่างนี้เราก็จะขอให้สำนักพุทธฯทุกจังหวัดไปขอกับทางวัด ทางวัดก็จะรายงานเข้ามา แต่ไม่มีกฎหมายใด ๆ บัญญัติเอาไว้ว่า ทางวัดต้องรายงานยอดเงินบริจาคให้กับสำนักพุทธฯได้รับทราบ นอกจากทางเจ้าคณะผู้ปกครองจะเป็นคนสั่งไว้ว่า อย่างเช่น หนึ่งเดือน หรือสามเดือน เจ้าอาวาสจะต้องทำรายงานเพื่อรายงานเรื่องของรายรับ-รายจ่ายให้ทราบ
นายสมชาย กล่าวด้วยว่า ในส่วนของวัดพระธรรมกายก็เช่นกัน เรื่องเงินบริจาคก็ไม่จำเป็นต้องรายงานให้ทางสำนักพุทธฯได้ทราบ ซึ่งเป็นสิทธิของวัดพระธรรมกายที่จะไม่เปิดเผย และวัดทุกจังหวัดก็ไม่มีการเปิดเผย ยกเว้นทางสำนักพุทธฯอยากจะรู้ว่าวัดแต่ละวัดมีรายรับ-รายจ่ายเท่าไร
เมื่อถามว่าสำนักพุทธฯ จะขอดูบัญชีรายรับ-รายจ่ายของวัดพระธรรมกายหรือไม่ เนื่องจากถูกครหาเรื่องเงินบริจาค นายสมชาย กล่าวว่า เป็นเรื่องคดีอาญาระหว่างดีเอสไอกับวัดพระธรรมกาย ซึ่งทางดีเอสไอก็ดำเนินการไป สำนักพุทธฯไม่ใช่เป็นโจทก์และจำเลย กับทางวัดพระธรรมกาย เพราะไม่ใช่จู่ ๆ สำนักพุทธฯอยากจะไปขอดูรายรับ-รายจ่ายของวัดพระธรรมกายได้ทันที เพราะการขอดูจะต้องมีเหตุผล ไม่เช่นนั้นจะผิดกฎหมายและถูกข้อหาบุกรุกได้
นายสมชาย กล่าวว่า ทั้งนี้มีกฎกระทรวงฉบับที่ 2 พ.ศ.2521บัญญัติเอาไว้ว่า วัดต้องจัดทำบัญชีทรัพย์สินของวัดไว้เพื่อความบริสุทธิ์ โปร่งใสได้ ถ้าจะมีรายรับรายจ่ายต่าง ๆ ต้องทำบัญชีให้เจ้าคณะฝ่ายปกครองสามารถตรวจสอบได้ แต่ไม่จำเป็นต้องมาติดไว้ว่ามีเงินจำนวนเท่าไร
ขอขอบคุณข่าวจาก

