คปพ.ชุมนุมรัฐสภา เกาะติดถกร่างพ.ร.บ.ปิโตรฯ
"ปานเทพ" นำคปพ.ชุมนุมหน้ารัฐสภาตามนัด เกาะติดสนช.พิจารณาร่างพ.ร.บ.ปิโตรฯ 2 ฉบับ หวังคว่ำร่างตามที่ร้องขอ พร้อมตั้งโต๊ะล่าหมื่นชื่อ เพื่อชงร่างของปชช. ย้ำ ร่างก.พลังงาน เสี่ยงหากได้รบ.ทุจริต ใช้หลักตามอำเภอใจ ไม่โปร่งใส ข้องใจเอื้อประโยชน์ใคร ย้อนรัฐยังดึงดัน ถือว่าไม่ฟังเสียงปชช. เผย ยังหาทางดำเนินการต่อแม้รับหลักการ
วันนี้ (30พ.ค.) เมื่อเวลา 08.30 น. กลุ่มเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทยหรือ คปพ. ร่วมร้อยคน นำโดยนายปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ แกนนำกลุ่มฯ มาร่วมชุมนุมที่บริเวณหน้ารัฐสภาฝั่งเขาดิน เพื่อรอฟังผลการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม (ฉบับที่) พ.ศ... และร่างพ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม(ฉบับที่...) พ.ศ.. ของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่จะการลงมติรับหลักการวาระ1 ในวันนี้
ทั้งนี้นายปานเทพกล่าวว่า พวกคนมาหน้ารัฐสภาเพื่อติดตามผลการลงมติของสนช. หลังจากที่ได้ยื่นหนังสือคัดค้านการและขอให้ระงับการพิจารณาไว้ก่อน ต่อนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัยรองประธานสนช.ไปเมื่อวานนี้ (24 ) หวังว่าวันนี้จะมีข่าวดีที่สนช.จะไม่พิจารณาร่างพ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับตามที่เราร้องขอและมีการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อประชาชนให้ครบ 1 หมื่นรายชื่อเพื่อยื่นร่างพ.ร.บ.ประกอบกิจการปิโตรเลียมของประชาชน หากได้ครบจำนวนแล้วก็จะยื่นต่อประธานสนช.เพื่อดำเนินการนำเข้าวาระพิจารณาในสภาต่อไป
นายปานเพทกล่าวว่าแม้ร่างพรบ.ของกระทรวงพลังงานครม.จะมีการปรับเนื้อหาบางส่วนแล้วก็ตามแต่ก็ไม่มีหลักเกณฑ์กำหนดเลือกระบบไหน เพราะอะไร ดังนั้นจึงต้องใช้คณะกรรมการนโยบายพลังงานตัดสินตามอำเภอใจ ซึ่งเราห่วงว่าหากวางรากฐานอย่างนี้ต่อไปในอนาคต หากได้รัฐบาลดีก็จะเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง แต่หากได้รัฐบาลที่ทุจริตฉ้อฉลก็จะอันตรายอย่างยิ่ง ที่ตัวอย่างที่ชัดเจนคือหลักเกณฑ์กรณีเอราวัณ และบงกช ที่กำลังจะหมดอายุสัมปทาน มีทรัพยากรอย่างชัดเจน มีปริมาณปิโตรเลียมใต้ดินชัดเจนแล้ว มีอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆที่จะตกเป็นของรัฐนับแสนล้านบาท ควรจะต้องให้กรรมสิทธิ์ตกเป้นของรัฐ100 เปอร์เซ็นต์ และจ้างเอกชนผลิตงานให้ในระบบจ้างผลิต แต่เมื่อให้ใช้หลักเกณฑ์ตามอำเภอใจเช่นนี้ จะทำให้กระทรวงพลังงานอาศัยช่องว่างของกฎหมายไม่จ้างผลิต แต่จะใช้ระบบสัมปทานหรือระบบแบ่งปันผลผลิต และไม่รู้ว่าจะมีการประมูลหรือเปล่า ดังนั้นร่างกฎหมายนี้ทำไม่ได้จริงในทางปฏิบัติส่อไปในทางไม่โปร่งใสและเป็นธรรมจะปล่อยให้ออกมาทำไม
“เมื่อปีที่แล้วเกิดข้อครหาเรื่องความไม่โปร่งใส นายกรัฐมนตรีให้สปช.ตั้งคณะกรรมาธิการมาศึกษาจนได้ผลสรุป ผ่านมา1 ปี กระทรวงพลังงานชิงเสนอร่างกฎหมายเข้าครม. โดยไม่แคร์อะไร เลย สร้างความเคลือบแคลงว่าผลประโยชน์จะได้กับใคร อย่างนี้ประชาชนจะเชื่อใจได้อย่างไร และวันนี้ซึ่งเป็นสำคัญที่ร.7 สละราชสมบัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง ให้อำนาจอธิปไตยกับประชาชน หากรัฏฐาธิปัตย์ ยังแสดงเจตนารมณ์ให้ร่างกฎหมายนี้ผ่าน ถือว่ารัฐบาลนี้ที่มีคสช.บริหารไม่ฟังเสียงประชาชน แล้วจะหวังถึงอนาคตที่จะมีการเลือกตั้งใหม่อย่างไร อย่างไรก็ตามเราจะรอฟังผลการประชุมว่าเป็นอย่างไร หากมีมติรับหลักการ พวกเราก็จะประชุมกันเพื่อหาแนวทางดำเนินการขั้นต่อไป” นายปานเทพระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ประชุมสภานิติบัญญัติ โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้เริ่มพิจารณาวาระ ร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม (ฉบับที่) พ.ศ... และร่างพ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม(ฉบับที่...) พ.ศ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน กล่าวรายงานหลักการและเหตุผลของร่างพ.ร.บ.ทั้ง2 ฉบับ ต่อที่ประชุม และจะมีการแถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังที่สนช.มีมติด้วย
ขอบคุณข่าวจาก

