กระทรวงการคลัง เตรียมปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบหลังใช้มานานกว่า 20 ปี
กระทรวงการคลัง เตรียมปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบหลังใช้มานานกว่า 20 ปี เล็งลดอัตราภาษีบุคคลธรรมดาลงเหลือร้อยละ 35 ลดภาระผู้เสียภาษีและกระตุ้นการใช้จ่าย
นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากร ได้เตรียมข้อมูลเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียในการปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบในหลายรูปแบบ เพื่อเสนอให้นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณา สำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เบื้องต้นคาดว่าจะปรับลดอัตราภาษีลงจากร้อยละ 37 เหลือร้อยละ 35 รวมถึงปรับช่วงความถี่ของมูลค่าการเสียภาษีเทียบกับฐานรายได้ให้มากขึ้น เพื่อลดภาระให้กับผู้เสียภาษี และมีส่วนช่วยกระตุ้นการบริโภคจากฐานภาษีที่ปรับลดลงได้ พร้อมยืนยันว่าผู้ที่มีฐานเงินเดือนไม่ถึง 20,000 บาทต่อเดือน จะยังคงไม่อยู่ในระบบการเสียภาษี ทั้งนี้ แนวทางการปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบ จะต้องมีการทยอยออกกฎหมายลูกเพื่อรองรับกฎหมายการเสียภาษีต่างๆ เช่น การชำระภาษี การนำส่งภาษี และการผ่อนปรนภาษี เป็นต้น ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร เนื่องจากกฎหมายการเสียภาษีไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนมากว่า 20 ปี แล้ว
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า การยื่นแบบเสียภาษีประจำปี ที่จะยื่นในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม ปกติแล้วผู้ที่ขอคืนภาษีจะยื่นเร็วกว่าผู้ที่ต้องเสียภาษี โดยในปีนี้จะเร่งคืนภาษีจากเดิมใช้ระยะเวลาดำเนินการ 15 วัน จะลดลงเหลือ 7 วัน ขณะที่ผู้ต้องเสียภาษี มักจะยื่นเสียภาษีในช่วงเดือนมีนาคมเป็นส่วนใหญ่ โดยปัจจุบันมีจำนวนผู้เสียภาษีเงินได้ในระบบ 9 ล้านราย ส่วนใหญ่เป็นการยื่นแบบทางอินเทอร์เน็ต 7 ล้านราย เป็นภาษีนิติบุคคล 3.6 แสนราย และภาษีมูลค่าเพิ่ม 3.7 แสนราย
นอกจากนี้ กรมสรรพากร ได้ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย ให้บริการรับชำระภาษีผ่านเครดิตกสิกรไทย เพื่อเป็นช่องทางให้ลูกค้าธนาคารและประชาชนสามารถชำระภาษีของกรมสรรพากรได้ทุกประเภท ผ่าน 4 ช่องทาง ได้แก่ บัตรเครดิตกสิกรไทย บัตรธุรกิจกสิกรไทย เครื่องเอทีเอ็มทั่วประเทศ และบริการธนาคารผ่านทางโทรศัพท์มือถือ โดยลูกค้าสามารถผ่อนชำระค่าภาษีผ่านบัตรเครดิตได้สูงสุด 10 เดือน
