โตโยต้าแจง โครงการ “สมัครใจลาออก”
โตโยต้า แจงกรณีเปิดโครงการสมัครใจลาออก หลังมีการเผยแพร่ข้อมูลในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก ด้านกระทรวงแรงงาน เผย ‘โตโยต้า’ มีโครงการ ‘จากกันด้วยใจ’ ให้สมัครใจลาออก ระบุลูกจ้างเหมาค่าแรง ร่วม 1,000 คนได้รับสิทธิแรงงานตามกฎหมาย ยืนยันสถานการณ์เลิกจ้างยังอยู่ในภาวะปกติ แนะสถานประกอบการหากเลิกจ้างควรคำนึงถึงความสมัครใจ พร้อมการชดเชยสิทธิตามกฎหมาย
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ชี้แจงรายละเอียด หลังมีการเผยแพร่ข้อความ กรณีโครงการสมัครใจลาออก ว่า จากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และความผนผวนของเศรษฐกิจโลกที่มีผลต่อการส่งออก โดยกระทบทั้งตลาดรถยนต์ภายในประเทศและต่างประเทศ ทำให้บริษัทต้องปรับลดกำลังการผลิตลง และมีพนักงานเกินความจำเป็นในการผลิต รวมทั้งต้องปรับลดการทำงานล่วงเวลา ทำให้รายได้รวมของพนักงานลดลง
ดังนั้น เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีทางเลือก บริษัทจึงเปิดโครงการ "จากด้วยใจ" ให้แก่พนักงานรับเหมาช่วงเข้าร่วมโครงการสมัครใจลาออก ซึ่งพนักงานที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับสิทธิชดเชยตามกฎหมาย และยังได้รับการพิจารณาเงินเพิ่มพิเศษด้วย สำหรับพนักงานที่เข้าโครงการ ขณะที่บริษัทฯ ได้ยืนยันว่าหากสถานการณ์ตลาดรถยนต์ดีขึ้น บริษัทฯ จะมียินดีรับพนักงานที่เข้าโครงการนี้เป็นอันดับแรก พร้อมสวัสดิการคงเดิม และนับอายุงานต่อเนื่อง
ด้าน นายสุวิทยา จันทวงศ์ รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เปิดเผยถึงสถานการณ์การเปิดโครงการสมัครใจลาออกในอุตสาหกรรมผลิตยานยนต์ ที่มีการรายงานกรณีของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตรถยนต์ค่ายยักษ์จากประเทศญี่ปุ่น โดยใช้ชื่อโครงการว่า ‘จากกันด้วยใจ’ ว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่เปิดให้ลูกจ้างเหมาค่าแรงซึ่งมีอยู่ในกระบวนการผลิตประมาณร้อยละ 40 ของลูกจ้างทั้งหมดประมาณ 750,000 คน หรือราว 800 – 1,000 คน สมัครใจลาออก
โดยกำหนดจำนวนแต่ละไลน์การผลิต และได้เปิดรับสมัครเข้าโครงการตั้งแต่วันที่ 4 – 13 กรกฎาคม 2559 ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุด (5 ก.ค.59) มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการประมาณ 800 คน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) 3 แห่งที่ชัดเจนและประกาศอย่างเป็นทางการในเรื่องของโครงการดังกล่าว ประกอบด้วย โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (โรงงานสำโรง สำนักงานใหญ่, โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด โรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้า (นิคมเกตเวย์) อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา และโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (โรงงานบ้านโพธิ์) ประกอบรถยนต์นั่ง รถยนต์บรรทุก และทำชิ้นส่วนรถยนต์ ต.ลาดขวาง อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ทั้งนี้ บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ได้มีการชี้แจงกับลูกจ้างเหมาค่าแรงพร้อมทั้งสัญญากับลูกจ้างเหมาค่าแรงว่าภายใน 1 ปีข้างหน้าหากการปรับระบบลงตัวและผลประกอบการดีขึ้นจะรับลูกจ้างเหมาค่าแรงกลับเข้ามาทำงานในอัตราค่าจ้างเดิมสวัสดิการเดิมและนับอายุงานต่อเนื่องด้วย อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวมีการจ่ายค่าจ้างและค่าชดเชย ค่าบอกกล่าวล่วงหน้าที่เรียกว่าเงินพิเศษให้ด้วย แทนการที่จะส่งลูกจ้างเหมาค่าแรงให้กับทางบริษัทต้นสังกัด
โดยโครงการดังกล่าวบริษัทฯ แจ้งว่า ได้มีการประกาศให้พนักงานรับทราบมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว โดยแจ้งวัตถุประสงค์ว่าเพื่อปรับโครงสร้างของพนักงาน และเป็นโครงการที่ให้พนักงานที่สนใจจะรับเงื่อนไขที่บริษัทประกาศขึ้นก็เข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะเป็นกลุ่มพนักงานจ้างเหมาไม่ใช่บริษัทหรือไม่ใช่พนักงานของบริษัทโดยตรง ล่าสุดมีพนักงานจ้างเหมาที่ในใจมาสมัครแล้ว ประมาณ 800 คน และจากข้อมูลที่ได้รับบริษัทฯ จะเปิดรับสมัครไม่เกิน 1,000 คน เนื่องจากว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน กระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนทำงาน ถ้าคนที่ไม่สมัครใจก็คงต้องอยู่ต่อ ใช้ระบบสมัครใจไม่ใช้ระบบเลิกจ้างปกติ
ทั้งนี้ ปัจจุบันสถานการณ์เลิกจ้างยังอยู่ในภาวะปกติ โดยภาพรวมของอุตสาหกรรมผลิตยานยนต์กำลังปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตหรือเชิงรูปแบบการผลิต รวมถึงวัตถุดิบในการผลิตยานยนต์ ในช่วงเวลาที่ผ่านมากับช่วงเวลานี้ เป็นเรื่องของการประกอบอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งในระหว่างนี้บริษัทแต่ละบริษัทอยู่ระหว่างการปรับตัวเพื่อใช้เทคโนโลยีระดับสูงมาใช้ในการจะทำให้อุตสาหกรรมมีคุณภาพและต้นทุนที่เหมาะสมที่จะสามารถดำเนินการได้
สำหรับบริษัทหรือสถานประกอบการที่มีความจำเป็นต้องใช้มาตรการที่เกิดจากภาคความสมัครใจ ขอให้ดูแลเรื่องของสิทธิแรงงาน สิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้ไม่น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด รวมถึงสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่จะได้รับเพิ่มขึ้นจนสามารถเป็นเหตุจูงใจให้พนักงานมีความประสงค์ที่จะลาออกโดยเร็ว แต่ส่วนใหญ่แล้วการที่จะสมัครใจออกนั้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องของลูกจ้างเพียงฝ่ายเดียว ต้องเป็นเรื่องของฝ่ายบริหารที่จะมีส่วนในการพิจารณาด้วย
ขอขอบคุณข่าวจาก
![]()
