"ดร.เสรี" ชี้ สร้างฟลัดเวย์ไม่ได้ช่วยป้องน้ำท่วม เจ้าพระยา-กทม. ได้ 100%
กรรมการ กยน. ระบุ ไทยเสี่ยงเผชิญภัยพิบัติถี่ขึ้น คาดปี'55 พายุถล่มอีสาน ภาคกลางอ่วมน้ำท่วมซ้ำ แนะ ประชาชน ชุมชน เตรียมพร้อมรับมือ
วันที่ 5 ธันวาคม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จัดงาน “บีโอไอแฟร์ 2011” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-20 มกราคม 2555 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด รวมพลังน้ำใจ “โลกสดใส ไทยยั่งยืน” หรือ “Going Green for the Future” ภายในงานมีเวทีสัมมนาเพื่อการรักษาสิ่งแวดล้อม ในหัวข้อ Save Our Planet อากาศ น้ำ ดิน: ช่วยประเทศไทย จากการเปลี่ยนแปลงของ สภาพอากาศ โดยมีรศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์พลังงานและสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร และกรรมการในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) บรรยายเรื่อง“เตรียมการที่จะอยู่รอดจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”
รศ.ดร.เสรี กล่าวว่า ความเสี่ยงภัยพิบัติของประเทศไทยนั้น มีทั้งเรื่องน้ำท่วม น้ำแล้ง แผ่นดินไหว และในอนาคตประเทศไทยจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในรอบ 100 ปี จะมีระยะเวลาสั้นลง เปลี่ยนเป็นเกิดในรอบ10 ปีแทน ทำให้ความถี่เพิ่มขึ้น ซึ่งก็เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ดังนั้น การมองผลกระทบภัยพิบัติต้องมองทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาค รวมทั้งระดับโลกด้วย
รศ.ดร.เสรี กล่าวต่อว่า ในช่วง 10-20 ปีเหตุการณ์ต่างๆ สามารถแปรผันได้ เนื่องจากอิทธิพลของเอลนิญโญ ลานินญา ปัจจุบันบ้านเรากำลังเผชิญกับลานินญา น้ำท่วมปี 2554 ยังซ่อมแซมสะพานไม่แล้วเสร็จ ภาคใต้ก็โดนน้ำท่วมอีก ซึ่งปัญหาดังกล่าวขึ้นอยู่กับแนวทางการป้องกันที่ปรับตัวไม่ทันต่อธรรมชาติ อีกทั้งในปีนี้จำนวนพายุจะเพิ่มขึ้น ถ้าพายุเข้าที่ในพื้นที่ภาคอีสาน ภาคกลางไม่รอดจากเหตุการณ์น้ำท่วมแน่นอน
ส่วนน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ ในปี 2555 หรือไม่นั้น รศ.ดร.เสรี กล่าวว่า ไม่สามารถคาดการณ์ได้ เนื่องจากประเมินได้เฉพาะในภาพรวม หากให้ระบุเฉพาะเจาะจงต้องเป็นหมอดูเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากในการรับมือภัยพิบัติคือ ประชาชน ต้องเตรียมการป้องกันตนเอง กระสอบทราย พนังที่ก่ออิฐฉาบปูนไว้ อย่าพึ่งรื้อทิ้ง หากในอีก 5-6 เดือนข้างหน้าน้ำมาอีกจะได้ไม่เสียใจ ขณะที่ชุมชนต้องมีความเข็มแข็ง รวมตัวกันเพื่อมีส่วนร่วมในการคลี่คลายปัญหาต่างๆ
รศ.ดร.เสรี กล่าวถึงบทเรียนจากเหตุการณ์น้ำท่วมปี 2554 จากความเห็นชาวต่างชาติ พบว่า การสื่อสารในช่วงสถานการณ์เสี่ยงภัยบ้านเรายังทำได้ไม่ดี ข้อมูลข่าวสารไม่ลงไปถึงประชาชน ขาดการเผยแพร่ ประชาชนไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และยาวนานเพียงใด ฉะนั้น จะต้องได้มีการแก้ไข เพราะขณะเดียวกันการขาดระบบข้อมูล ก็ส่งผลให้ผู้นำประเทศตัดสินใจไขว้เขวได้เช่นกัน
ทั้งนี้ รศ.ดร.เสรี กล่าวถึงทางออกในการรับมือวิกฤตน้ำท่วมด้วยว่า ต้องมีมาตรการหาที่ให้น้ำอยู่ โดยแต่ละชุมชนจังหวัดต้องมีมาตรการในการจัดการน้ำของตนเอง ทำต่อๆ กันเหมือนกับเป็นจิ๊กซอว์ ก็จะช่วยแก้ปัญหาได้ ขณะที่การทำฟลัดเวย์นั้น ในความเป็นจริงไม่สามารถลดผลกระทบจากน้ำท่วมในแม่น้ำเจ้าพระยา หรือกรุงเทพฯ ได้ 100% และเชื่อว่าจะไม่มีมาตรการใดที่จะป้องกันไม่ให้โดนน้ำท่วมได้ เพียงแต่จะท่วมมากหรือน้อยเท่านั้น
จากนั้นในช่วงท้าย รศ.ดร.เสรี กล่าวกับศูนย์ข่าวสารนโยบายสาธารณะ ถึงความคืบหน้าการดำเนินงานของ กยน. ว่า วันที่ 6 มกราคมนี้ เวลา 9.30 น. คณะกรรมการ กยน. จะมีการนำแผนปฏิบัติการณ์ ทั้งในส่วนของแผนระยะเร่งด่วน แผนยั่งยืน รวมทั้งแผนแม่บทมาหารืออีกครั้ง พร้อมทั้งจะมีการกำหนดกรอบระยะเวลาในการดำเนินงานด้วยว่า แต่ละเรื่องจะต้องแล้วเสร็จเมื่อใด
เมื่อถามว่า แผนปฏิบัติการณ์ระยะสั้นจะต้องดำเนินแล้วเสร็จภายในกี่เดือน ถึงจะสามารถรับมือกับฤดูฝนที่จะมาถึงได้ทัน รศ.ดร.เสรี กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการประเมิน แต่ในส่วนของแผนระยะสั้นนั้น ขณะนี้คงทำอะไรไม่ได้มาก อย่างเช่น ฟลัดเวย์ระยะเวลาเพียง 2-3 เดือนคงไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ แต่สิ่งที่พอจะทำให้ทันฤดูฝนได้คือ การขุดลอกคูคลอง ซ่อมแซมคันและประตูระบายน้ำเท่านั้น เพราะฉะนั้น หากน้ำมาอีกคงไม่สามารถป้องกันได้มาก ต้องรอในส่วนของแผนฯยั่งยืนต่อไป
