กฤษฎีกาชี้ 'ผอ.สมศ.'ถูกคสช.สั่งระงับปฎิบัติหน้าที่ ยังมีสิทธิกินเงินเดือน2.5 แสน
กฤษฎีกา ชี้ 'ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์' ผอ.สมศ. ยังมีสิทธิได้รับเงินเดือน 2.5 แสน พร้อมค่าตอบแทน แม้ถูกหัวหน้า คสช.ออกคำสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว เหตุบันทึกข้อตกลงปฏิบัติงานยังมีผลบังคับใช้ เปิดช่องบอร์ดบริหารฯ สมศ. มีอำนาจตามกฎหมายทบทวนค่าตอบแทนพื้นฐานใหม่ได้ตามเห็นสมควร
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้เผยแพร่ความเห็นทางกฎหมาย กรณีฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ คสช (กย)/531 ลงวันที่ 15 มิถุนายน 2559 ถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อขอความเห็นทางกฎหมายใน 3 ประเด็น เกี่ยวกับผลของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 23/2559 เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ที่มีคำสั่งให้นายชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการ สมศ.ระงับการปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวจนกว่าหัวหน้าคสช.จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น และให้นายคมศร วงษ์รักษา รองผู้อำนวยการ สมศ. รักษาการแทนผู้อำนวยการ สมศ.จนกว่าหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น โดยคำสั่งดังกล่าวมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2559 เพื่อให้การดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าวมีความชัดเจนและเป็นไปโดยถูกต้อง สมศ. จึงหารือมายังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในประเด็นดังต่อไปนี้
คือ 1. ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 23/2559 นายชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ยังคงมีสถานภาพเป็นผู้อำนวยการ สมศ. อยู่จนถึงเมื่อใด และภายหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว นายชาญณรงค์ฯ ยังมีสถานภาพเป็นผู้อำนวยการหรือไม่
2. ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติดังกล่าว นายชาญณรงค์ฯ จะได้รับเงินเดือน สวัสดิการ และประโยชน์ตอบแทนอื่นในฐานะผู้อำนวยการ สมศ. ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2559 เป็นต้นไป หรือไม่
3. นายคมศร วงษ์รักษา รองผู้อำนวยการ สมศ. ปฏิบัติหน้าที่รักษาการแทนผู้อำนวยการ สมศ. มีอำนาจและหน้าที่ในฐานะผู้อำนวยการหรือไม่ ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงขอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาข้อหารือดังกล่าว และแจ้งให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทราบด้วย
คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 2) ได้พิจารณาข้อหารือของฝ่ายกฎหมาย
และกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยมีผู้แทนสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงาน ก.พ.ร.) ผู้แทนสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) และผู้แทนฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นผู้ชี้แจงข้อเท็จจริงแล้วมีความเห็นในแต่ละประเด็นดังนี้
ประเด็นที่หนึ่ง เห็นว่า จากผลของคำสั่งดังกล่าว นายชาญณรงค์ฯ ยังคงมีสถานภาพเป็นผู้อำนวยการ สมศ. ต่อไป แต่ต้องระงับการปฏิบัติหน้าที่ไว้เป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2559 เป็นต้นไป จนกว่าหัวหน้าคสช.จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ประเด็นที่สอง เห็นว่า ในการพิจารณาว่านายชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ จะได้รับเงินเดือน สวัสดิการ และประโยชน์ตอบแทนอื่น หรือไม่ อย่างไร ภายหลังที่ต้องระงับการปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการ สมศ. เป็นการชั่วคราวนั้น จะต้องพิจารณาจากบันทึกข้อตกลงการปฏิบัติงานในตำแหน่งผู้อำนวยการ สมศ. ซึ่งจัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2556 ระหว่างประธานกรรมการบริหาร สมศ.กับนายชาญณรงค์ฯ โดยในบันทึกข้อตกลงดังกล่าวได้กำหนดให้นายชาญณรงค์ฯ ในฐานะผู้ตกลงรับและปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้อำนวยการจะได้รับประโยชน์ตอบแทนใน 2 ลักษณะ คือ (1) การได้รับค่าตอบแทนพื้นฐานเป็นเงินเดือนประจำในอัตราเดือนละ 250,000 บาท และผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษตามผลการปฏิบัติงานตามที่คณะกรรมการจะกำหนดให้
ทั้งนี้ ตามที่กำหนดไว้ในข้อ 1 และข้อ 4 ของบันทึกข้อตกลงฯ และ (2) การได้รับสวัสดิการในการรักษาพยาบาลที่คณะกรรมการจะพิจารณากำหนดให้ และสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงาน รถประจำตำแหน่งพร้อมพนักงานขับรถ และสวัสดิการอย่างอื่นตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด ทั้งนี้ ตามที่กำหนดไว้ในข้อ 5 ของบันทึกข้อตกลงฯ เมื่อได้ให้ความเห็นในประเด็นที่หนึ่งแล้วว่า นายชาญณรงค์ฯ ยังคงมีสถานภาพเป็นผู้อำนวยการ สมศ. อยู่ และเหตุที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้อำนวยการได้นั้น เกิดจากผลของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่สั่งให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่ไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ดังนั้น นายชาญณรงค์ฯ จึงยังคงมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนพื้นฐานและประโยชน์ตอบแทนอื่นตามที่คณะกรรมการบริหาร สมศ. กำหนดในบันทึกข้อตกลงข้างต้น
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริหาร สมศ. ยังคงมีอำนาจตามมาตรา 37 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2543 ที่จะพิจารณาหรือทบทวนการกำหนดค่าตอบแทนพื้นฐานและประโยชน์ตอบแทนอื่นให้แก่นายชาญณรงค์ฯ ได้ตามที่เห็นสมควรแก่กรณี
ประเด็นที่สาม เห็นว่า ตามข้อ 2 แห่งข้อกำหนดคณะกรรมการบริหารสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ว่าด้วยแนวทางในการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่รักษาการผู้อำนวยการ กำหนดให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่รักษาการผู้อำนวยการมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน)พ.ศ. 2543 ดังนั้น เมื่อข้อ 2 แห่งคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 23/2559 กำหนดให้นายคมศร วงษ์รักษา รองผู้อำนวยการ สมศ. เป็นผู้ทำหน้าที่รักษาการแทนตำแหน่งผู้อำนวยการ สมศ. จนกว่าหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ผู้ทำหน้าที่รักษาการแทนดังกล่าวจึงมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้อำนวยการ สมศ. ตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2543