กยน.คาดใช้พื้นที่สร้าง 'ฟลัดเวย์-แก้มลิง' ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านไร่
ประชุม กยน. นัด 4 ลงลึกรายละเอียดแผนระยะยาว เพิ่มยุทธศาสตร์สร้างความเข้าใจปชช. ในพื้นที่รับน้ำ ดันก.เกษตรฯ เร่งกำหนดพื้นที่ -หลักเกณฑ์ค่าชดเชย ส่งการบ้าน มี.ค. “ปราโมทย์” ชี้ แผนระยะสั้นเยียวยายั่งยืนไม่ได้
วันที่ 6 มกราคม คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ประชุมครั้งที่ 4 ณ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรับทราบผลการประชุม กยน. ครั้งที่ 3 และพิจารณารายละเอียดแผนระยะยาว 8 เรื่อง รวมทั้งแผนระยะเร่งด่วน 6 เรื่อง โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ นายวิเชียร ชวลิต เลขาธิการ กยน. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และเลขาธิการ กยน. นายปิติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ประธานคณะอนุฯ บริหารจัดการน้ำระยะสั้น ในกยน. นายปราโมทย์ ไม้กลัด ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ดร.เสรี ศุภราทิตย์ และกรรมการ กยน. ร่วมประชุม
นายวิเชียร กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้รับทราบในการประชุม ครม.ครั้งที่แล้วและได้อนุมัติงบประมาณไปกว่า 1.7 พันล้านบาท ซึ่งการประชุมในวันนี้ได้ลงลึกถึงรายละเอียด และคำอธิบายทั้ง 8 หัวข้อ เช่น การฟื้นฟูป่า ว่าจะต้องทำอย่างไร ซึ่งคงมีการเผยแพร่ออกมาหลังจาก ครม. อนุมัติแล้ว ส่วนเรื่องที่พิจารณาในวันนี้มีเรื่องเดียว คือ ร่างแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวในการแก้ปัญหาอุทกภัย
“แผนงานระยะเร่งด่วน 6 เรื่อง ได้เริ่มดำเนินการแล้ว เหลืออีก 2 เรื่องที่เป็นระยะยาว คือ การอนุรักษ์พื้นที่ป่าต้นน้ำ และการสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ถึงระบบการบริหารจัดการน้ำและแผนต่างๆ ต่อจากนี้ ซึ่งเดิมเรื่องการสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับแผนการจัดการน้ำ ไม่มีอยู่ในแผนงาน แต่หลังจากนี้จะมีการประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่ที่ต้องรับน้ำหรือพื้นที่แก้มลิง ต้องมีการให้ความช่วยเหลือหรือชดเชยกับผู้ที่ได้รับผลกระทบด้วย” เลขาธิการ กยน. กล่าว และว่า การกำหนดพื้นที่ว่าจะมีกี่พื้นที่ หรือพื้นที่ใดบ้างนั้น จะต้องมีการคำนวณก่อนว่าน้ำจะมากี่ล้านลูกบาศก์เมตร หรือน้ำจะล้นเท่าไหร่ ควรมีพื้นที่รองรับกี่ล้านไร่ ซึ่งขณะนี้คำนวณไว้อย่างน้อยประมาณ 2 ล้านไร่เพื่อรับน้ำ
เลขาธิการ กยน. กล่าวต่อว่า คณะกรรมการ กยน. เป็นคณะที่กำหนดยุทธศาสตร์ ไม่ใช่คณะปฏิบัติงาน ฉะนั้น เมื่อมีภารกิจ ในแผนงานจะกำหนดชัดเจนว่าหน่วยงานใด กระทรวงใด กรมใด เป็นผู้รับผิดชอบ ปกติก็จะกำหนดไว้ 2-3 กรมหรือกระทรวง เช่น เรื่องกำหนดพื้นที่รับน้ำนอง หน่วยงานหลักคือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะเป็นหน่วยลงไปทำความเข้าใจกับประชาชน ในส่วนหลักเกณฑ์และการกำหนดค่าชดเชยพื้นที่รับน้ำนอง กระทรวงเกษตรฯ ก็จะเป็นหน่วยงานประเมินและคิดออกมา โดยที่กำหนดกรอบเวลาไว้ว่ากระทรวงเกษตรจะต้องส่งแผนหลักเกณฑ์ต่างๆ นี้ในช่วงเดือนมีนาคมนี้ เพื่อให้ทันต่อหน้าฝนที่จะมาในเดือนพฤษภาคม
“ในแผนระยะยาวยังกำหนดกรอบเวลาชัดเจนไม่ได้ เพราะหากเป็นงานที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือคนหมู่มากก็จะต้องมีการทำการศึกษาก่อน ซึ่งกำหนดไว้ว่าจะเริ่มศึกษาตั้งแต่ปีนี้เลย และหากประชาชนคัดค้านการใช้พื้นที่ที่กำหนดไว้ทำแก้มลิง ตามข้อกฎหมายเมื่อกำหนดพื้นที่ใดแล้ว ต้องมีการทำความเข้าใจ ดังนั้น หากมีการคัดค้านคงต้องมีกระบวนการแก้ไขปัญหาต่อไป เพราะการกำหนดพื้นที่จะเป็นไปตามธรรมชาติ คือพื้นที่ใดเป็นต่ำน้ำก็จะต้องไปอยู่แล้ว หากไปปิดกั้นก็จะเกิดปัญหาอย่างในปีนี้”
เลขาธิการ กยน. กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงว่าแผนงานโครงการต่างๆ จะล่าช้า และอยากให้ทำด้วยความรวดเร็ว เนื่องจากเวลาในการบริหารจัดการมีจำกัด จากนี้คงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆ ที่ได้รับทราบมติ ภารกิจต่างๆ ตามที่ กยน. กำหนด และเร่งรัดดำเนินงานตามแผน เพื่อให้งานเหล่านั้นบรรลุผลโดยเร็ว
สำหรับเรื่องงานด้านวิศวกร ตามที่มีข้อเสนอให้สร้างอุโมงค์ระบายน้ำ เลขาธิการ กยน. กล่าวว่า ยังอยู่ในข้อคิดเห็น แต่ยังไม่ได้นำเสนอเป็นโครงการว่าจะสร้างอุโมงค์ระบายน้ำเมื่อน้ำหลากอย่างรุนแรงหรือไม่ อย่างไร
ขณะที่ นายปราโมทย์ กล่าวว่า ขณะนี้ที่เริ่มต้นแผน 6 ข้อระยะเร่งด่วนภายใน 10 เดือน ได้กำหนดมาตรการที่จะใส่งบประมาณ 1.7 หมื่นล้าน เพื่อซ่อมคันกั้นน้ำ ขุดลอกคูคลองอยู่ แต่หากมวลน้ำมามากอย่างในปี 2554 ก็คงพอสามารถเยียวยาได้และลดความเดือดร้อนลงได้บ้าง
“ต้องยอมรับว่า แผนระยะสั้นคงยังไม่สามารถเยียวยาอย่างยั่งยืนได้ คาดการณ์ได้ว่าในช่วงเดือนมิถุนายนจะสามารถบอกได้ว่าสถานการณ์น้ำจะเหมือนกับปี 2554 หรือไม่”
ด้าน นายปิติพงษ์ กล่าวว่า การประชุมของคณะกรรมการ กยน. ในวันนี้ส่วนใหญ่เป็นการหารือเกี่ยวกับแผนด้านวิศวกรรม ซึ่งหากมีงบประมาณก็สามารถทำได้เลย แต่ปัญหาอื่นๆ เช่น การวางแผนป้องกัน หรือการอพยพที่ใช้งบประมาณไม่มาก ก็ควรจะทำให้เสร็จตั้งแต่เดือนมีนาคม
“ส่วนการดำเนินงานในด้านโครงสร้างขนาดใหญ่ จะดำเนินการในเรื่องฟลัดเวย์ และแหล่งน้ำ ทั้งนี้ เมื่อพูดถึงแหล่งน้ำ เรามักคิดถึงแต่การสร้างเขื่อนเพียงอย่างเดียว ดังนั้น ต้องมีการปรับวิธีคิด วิธีทำงาน ส่วนการดำเนินการใดๆ นั้น จะต้องทำตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตร 67 เป็นไปตามกระบวนการ จะยกเว้นรัฐธรรมนูญไม่ได้”
ส่วน ดร.เสรี กล่าวว่า ในส่วนการดำเนินงานระยะเร่งด่วนที่จะได้เห็นเป็นรูปธรรม หลังจากได้รับงบประมาณตามกรอบงบประมาณปี 2555 คือ 1.การขุดลอกคูคลอง คอคอดต่างๆ ที่เป็นข้อจำกัดในการะบายน้ำ 2.ฟลัดเวย์ ซึ่งทิศทางจะกำหนดอย่างไรนั้น ต้องมีการหารืออีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ โครงการต่างๆ ที่คณะทำงานเสนอเข้ามา จะต้องผ่านการพิจารณาจากสภาพัฒน์ฯ อีกครั้ง ส่วนการดำเนินงานในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างนั้น คณะกรรมการ กยน. ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว
