'กรมบังคับคดี'ขายทอดตลาด 9 เดือน 73,000 ลบ.
"กรมบังคับคดี" เผยยอดขายทอดตลาดทรัพย์สิน 9 เดือนดึงเงินกลับเข้าระบบ 73,000 ล้านบาท มั่นใจครบปีขายทะลุเป้าแสนล้านบาท
น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ระหว่างเดือน (เม.ย.-มิ.ย. 59) สามารถผลักดันทรัพย์สินได้จำนวนกว่า 22,000 ล้านบาท หากรวม 3 ไตรมาสจะได้มูลค่ารวมกว่า 73,000 ล้านบาท ทั้งนี้ โดยภาพรวมการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย ยังมีบางส่วนที่ต้องพยายามขับเคลื่อนเช่น คดีค้างเก่าเกิน 10 ปี ที่เริ่มดำเนินการครั้งแรกมีอยู่กว่า 13,000 คดี ดำเนินการแล้วกว่า 2,000 คดี อย่างไรก็ตาม ผลการผลักดันทรัพย์ที่มากขึ้นมาจากเหตุผลหลายอย่างทั้งการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การใช้ระบบอี อิเล็กทรอนิกส์ และการขยายระยะเวลาในการขายทอดตลาดครบ 7 วัน ทำให้มีผู้ซื้อหน้าใหม่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งพบว่าผู้ซื้อหน้าใหม่หลายคนเลือกลงทุนกับการซื้อทรัพย์รองจากการฝากเงินกับสถาบันการเงิน อย่างไรก็ตาม มีข้อน่าสังเกตเกี่ยวกับแนวโน้มการขายทรัพย์ในพื้นที่ 7 จังหวัดพื้นที่พิเศษ และพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มียอดขายทอดตลาดทรัพย์ได้จำนวนมาก เช่น จ.ตราด คาดว่าเป็นเพราะความต้องการพื้นที่เพื่อประกอบธุรกิจ ขณะที่จ.ยะลา และจ.นราธิวาส ก็มีแนวโน้มสูงกว่าเดิม ถือเป็นการสะท้อนสถานการณ์จริงในพื้นที่ที่น่าสนใจ โดยมีหลายปัจจัยสนับสนุนทั้งนโยบายของรัฐ กำลังทรัพย์คนในพื้นที่ และความสนใจของนักลงทุนหน้าใหม่ ซึ่งทรัพย์ที่ขายได้เป็นทรัพย์ประเภทที่ดินพื้นราบคาดว่าคงต้องการนำไปต่อยอดประกอบธุรกิจ
ในส่วนของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดีทั่วประเทศตั้งแต่เดือนต.ค. 2558 – มิ.ย. 2559 มีเรื่องเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยกว่า 9,700 เรื่อง ไกล่เกลี่ยสำเร็จกว่า 8,000 เรื่อง ขณะที่ผลการจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยร่วมกับหน่วยงานรัฐและเอกชน 11 หน่วยงาน ซึ่งมีทั้งหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อรถ บ้าน ธุรกิจเอสเอ็มอี มีเรื่องเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยกว่า 5,600 เรื่อง ทุนทรัพย์กว่า 1,600 ล้านบาท ไกล่เกลี่ยแล้วกว่า 4,900 เรื่อง ทุนทรัพย์กว่า 1,200 ล้านบาท ทั้งนี้ตนได้มอบหมายให้ศูนย์ไกล่เกลี่ยติดตามข้อมูลกับเจ้าหนี้ต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบลูกหนี้ว่ามีการชำระเงินตามข้อตกลงหรือไม่ ป้องกนไม่ให้คนกลุ่มดังกล่าวกลับเข้าสู่ระบบเดิมอีก
อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวอีกว่า ได้มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามร่วมกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามคำสั่งคสช.ที่ 39/2559 เรื่องมาตรการในการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดิน ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยกรมบังคับคดีจะเข้าไปในรายที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว เป็นกรณีที่มีพื้นที่เกิน 500 ไร่ ซึ่งผู้ครอบครองต้องส่งมอบพื้นที่คืนให้ส.ป.ก. เบื้องต้นพบมีพื้นที่ส.ป.ก.ที่มีคำพิพากษาให้ส่งคืนจำนวนกว่า 10,000 ไร่ ในพื้นที่ 3 จังหวัด ประกอบด้วย จ.สุราษฎร์ธานี กระบี่ และนครราชสีมา หลังจากนี้หากผู้ครอบครองได้รับการแจ้งตามกรอบเวลาแล้วยังไม่ส่งคืนที่ดินกับส.ป.ก. เจ้าหน้าที่ส.ป.ก.จะประสานเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีเข้าไปฟ้องขับไล่ออกจากพื้นที่ ซึ่งกรมบังคับคดีได้แจ้งกับรมว.เกษตรและสหกรณ์ แล้วว่าพร้อมดำเนินการตามคำสั่งอย่างเต็มที่
ขอบคุณข่าวจาก

