วุฒิสภาจี้'รัฐบาล'ทบทวนออกพ.ร.ก.โอนหนี้
วุฒิสภา จี้ “รัฐบาล” ทบทวนออก พ.ร.ก.โอนหนี้ ขัด ม.184 วรรคสองหรือไม่ แนะให้ออกเป็น พ.ร.บ.งบฯ กลางปี กันผลักภาระให้ ธปท.-ประชาชน
ในการประชุมวุฒิสภา ก่อนการเข้าวาระประชุม นายอนุรักษ์ นิยมเวช ส.ว.สรรหา ประธานคณะกรรมาธิการ ได้หารือว่า เป็นห่วงแนวทางรัฐบาลที่ จะออก พ.ร.ก. 4 ฉบับ เพื่อโอนหนี้กองทุนฟื้นฟู 1.14 ล้านล้านบาท กลับไปให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อดำเนินการกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท มาบริหารจัดการระบบน้ำและวางโครงสร้างประเทศไทยใหม่ รวมทั้งการจัดตั้งกองทุนประกันภัย อีก 5 หมื่นล้านบาท และกรอบการแก้ไขเพิ่มเติมที่ ธปท.สามารถออกเงินกู้ หรือซอฟโลนอีก 3 แสนล้านบาท รวมทั้งหมด 7 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้เป็นภาระหนี้นอกงบประมาณ นอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 อีก 4 แสนล้านบาท
นายอนุรักษ์ กล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณา เรื่องดังกล่าวให้รอบคอบ รวมถึงว่าสามารถทำได้ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 184 วรรคสอง ที่ระบุให้การตราพระราชกำหนด ให้กระทำได้เฉพาะเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบ ด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ หรือไม่ ซึ่งหากรัฐบาลไม่ดำเนินการอย่างรอบคอบ สมาชิกวุฒิสภา จำนวน 1 ใน 5 สามารถยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ และเมื่อผลออกมาเป็นอย่างไรนั้นรัฐบาลต้องรับผิดชอบ
“ตามจริงแล้วรัฐบาลสามารถใช้การแก้ปัญหาด้วยการออกเป็น พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายกลางปีได้ และผมมองว่าการแก้ไขปัญหาหนี้นั้น รัฐบาลสามารถ ใช้กลไกโดยธนาคารของรัฐแทนที่จะผลักภาระให้ ธปท. ที่อาจกระทบไปยังประชาชนในอนาคตได้ อย่างไรก็ตามการออกพ.ร.ก.ที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาอุทกภัย 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นเงินกู้นอกงบประมาณ รัฐบาลไม่มีรายละเอียดการดำเนินการของโครงการ ทำให้รัฐสภาไม่สามารถตรวจสอบได้” นายอนุรักษ์ กล่าว
ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวในประเด็นเดียวกันว่า สำหรับ พ.ร.ก.จำนวน 4 ฉบับ ตนมองว่ารัฐบาลได้ นำ 3 เรื่องมาผูกรวมกัน กล่าวคือ เรื่องปัจจุบันการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม เรื่องอนาคต คือ การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และเรื่องอดีต คือ หนี้กองทุนฟื้นฟู 4.14 ล้านล้านบาท เข้ามาผนวกรวมกัน ซึ่งตนไม่เห็นด้วย เนื่องจากเนื้อหาใน พ.ร.ก.โอนหนี้ 1.14 ล้านล้านบาท ในมาตรา 7 มีลักษณะที่เรียกว่า 3 ปล้น 1 ทำลาย กล่าวคือ 1.ปล้นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในมาตรา 7(1) และ (3) 2.ปล้นสถาบันการเงิน ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะผลักภาระมายังประชาชน โดยมีรายละเอียดที่ระบุไว้ในมาตรา 8, 9 และ 10 และ 3.ปล้นทางอ้อมไปยังคลังหลวง คือ ทุนสำรองพิเศษในฝ่ายออกธนบัตรธปท. ในมาตรา 7 (2) ทั้งนี้หลังจากที่ปรากฎเป็นข่าว ได้เกิดกระแสคัดค้านจำนวนมาก ในที่สุดได้หารือหลายฝ่าย เชื่อว่าจะมีการแก้ไข ร่าง พ.ร.ก.ดังกล่าว
“ผมขอฝากไปยังรัฐบาลว่า เพื่อให้เกิดความรอบคอบควรแยกเรื่องโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูจำนวน 1.14 ล้านล้านบาท ออกมาเป็นเรื่องโดยเฉพาะ และทำเป็นร่างพ.ร.บ.ผ่านกระบวนการทางรัฐสภา เนื่องจากมีประเด็นที่ต้องพิจารณาที่สำคัญ คือ การทำลายระบบธนาคารกลาง การให้ธปท. เข้ามารับผิดชอบหนี้สินมีความเสี่ยง เพราะธปท.มีหน้าที่พิมพ์ธนบัตร ดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และแทรกแซงค่าเงินบาท หากธปท. ถูกใช้อย่างผิดหน้าที่ ผมเกรงว่าความเสียหายจะมีมากเกินเยียวยา” นายคำนูณ กล่าว . 
