'ทัศนีย์-น้องสาว' ปล่อยโฮ หลังศาลให้ประกันตัวพร้อมพวก
27 ส.ค. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (26ส.ค.) บิดาและมารดาของน.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และอดีต ส.ส.จังหวัดเชียงใหม่ และน้องสาว คือ นางสาวธารทิพย์ บูรณุปกรณ์ ทันตแพทย์ชำนาญการ เทศบาลตำบลช้างเผือก รวมทั้งญาติๆ และเพื่อนสนิท เดินทางมารอรับตัวทั้งสองที่หน้าทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ หลังจากศาลทหารพิจารณาให้ประกันตัว พร้อมพวกทั้งหมดรวม 12 คน ภายหลังจากทีมทนายความยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวต่อศาลทหาร วงเงินประกันรายละ 1 แสนบาท โดยมีเงื่อนไขในการให้ประกันตัวว่า ห้ามออกนอกราชอาณาจักร และห้ามมีพฤติกรรมยั่วยุทำให้เกิดการปลุกปั่นหรือวุ่นวายในบ้านเมือง
ทั้งนี้ หลังจากเจ้าหน้าของทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ นำหมายปล่อยตัวมาถึงยังทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ และยื่นให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอนแล้วเสร็จ นางสาวทัศนีย์ และนางสาวธารทิพย์ บูรณุปกรณ์ น้องสาว ก็ถูกปล่อยตัวออกมา โดยทั้งสองได้โผเข้ากอดมารดาที่มารอรับและร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจที่ได้รับอิสรภาพ ท่ามกลางความดีใจของญาติและเพื่อนสนิท
น.ส.ทัศนีย์ กล่าวสั้นๆ ว่า รู้สึกดีใจและขอบคุณที่ศาลมีเมตตาปล่อยตนเองพร้อมน้องสาวออกมา หลังจากนี้คงเตรียมตัวตามขั้นตอนเพื่อรอขึ้นศาลต่อไป
ด้านนางผ่องศรี บูรณุปกรณ์ มารดาของน.ส.ทัศนีย์ เผยว่า รู้สึกดีใจและขอบคุณในความเมตตาของศาล รู้สึกสงสารลูกสาวทั้งสอง หลังจากกลับถึงบ้านได้เตรียมน้ำมนต์จากวัดเจดีย์หลวงและอีกหลายวัดไว้ปะพรมรับขวัญลูกทั้งสอง ส่วนวันพรุ่งนี้ครอบครัววางแผนจะพากันไปทำบุญไหว้พระ
สำหรับผู้ต้องหาทั้งหมดที่ถูกปล่อยตัวนั้น ถูกดำเนินคดีในข้อหากระทำความผิดกรณีจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ (รธน.) ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ยุยง ปลุกปั่น ก่อให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง มาตรา 210 สมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปกระทำการเข้าข่ายอั้งยี่ ซ่องโจร และ พ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 61 (2) และ(4) ณ ศาลทหาร (มทบ.33)
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และผู้ต้องหาชายที่ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ ในอ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ได้ถูกปล่อยตัวในช่วงค่ำวันนี้เช่นเดียวกัน แต่ทางเรือนจำไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพขณะถูกปล่อยตัว โดยผู้ต้องหาที่ถูกปล่อยตัวทั้งหมด จะต้องมารายงานตัวต่อศาลทหารอีกครั้งในวันที่ 8 ก.ย. นี้
ขอบคุณข่าวจาก

