เครือข่ายผังเมืองฯ ยันพท.สวนสาธารณะ-ชุมชนป้อมมหากาฬ อยู่ร่วมกันได้
ชุมชนป้อมมหากาฬ คือ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ของพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์ เป็นองค์ประกอบหนึ่งของพื้นที่โบราณสถานที่จะรื้อทำลายมิได้ แต่ต้องอนุรักษ์ฟื้นฟูให้เป็นส่วนหนึ่งของหลักฐานทางประวัติศาสตร์

เครือข่ายวางแผนและผังเมืองเพื่อสังคม ออกแถลงการณ์ เรื่องพื้นที่สวนสาธารณะ โบราณสถาน และชุมชนป้อมมหากาฬ คือองค์ประกอบสำคัญของพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ที่ต้องอยู่ร่วมกัน
จากกรณีชุมชนป้อมมหากาฬ ที่กรุงเทพมหานครได้ ติดประกาศที่จะดำเนินการไล่รื้อชุมชน โดยให้เหตุผลว่า เป็นพื้นที่ซึ่งมีการออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน เมื่อ พ.ศ. 2535 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในการจัดทำสวนสาธารณะและอนุรักษ์โบราณสถานแห่งชาติ และอ้างความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าจะนำที่ดินไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นนอกจากที่ระบุไว้มิได้ นั้น
เครือข่ายวางแผนและผังเมืองเพื่อสังคมขอยืนยันว่า พื้นที่สวนสาธารณะและอนุรักษ์โบราณสถานของชาติและชุมชนป้อมมหากาฬ สามารถอยู่ร่วมกันได้ ด้วยเหตุผลและข้อเสนอดังนี้
1. ผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2556 ซึ่งจัดทำโดยกรุงเทพมหานคร และในการจัดทำผังเมืองได้มีการวิเคราะห์การใช้ประโยชน์ที่ดินและกฎหมายที่เกี่ยวข้องบริเวณนี้แล้ว ผ่านการรับฟังความคิดเห็นตามกฎหมาย ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการผังเมือง ผ่านการตรวจสอบของคณะกรรมการกฤษฎีกา และคณะรัฐมนตรี และประกาศเป็นกฎกระทรวงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ พ.ศ.2556 แล้วนั้น ได้ระบุวัตถุประสงค์ของผังเมืองรวมฉบับนี้ในข้อแรกคือ ส่งเสริมการจัดให้มีหรือพัฒนาเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยหรือผู้อยู่อาศัยเดิมภายในพื้นที่โครงการ ซึ่งการอยู่อาศัยเดิมนี้รวมถึงการเป็นผู้เช่าด้วย
ทั้งนี้การศึกษาและวางผังเมืองรวมได้จัดทำโดยต้องมีการนำแผนแม่กรุงรัตนโกสินทร์มาพิจารณาด้วยแล้ว ซึ่งจากการพิจารณาและการประกาศเป็นกฎกระทรวง แสดงว่า มิได้ห้ามการอยู่อาศัยของชุมชนเดิม
2. การดำรงอยู่ของชุมชนป้อมมหากาฬ มิได้ทำให้เกิดความเสียหายต่อการใช้ประโยชน์พื้นที่ตามวัตถุประสงค์ของพระราชกฤษฎีกาเวนคืนแต่ประการใด เพราะการใช้ประโยชน์หลักยังคงเป็นสวนสาธารณะและโบราณสถาน และตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ยืนยันได้ มีการศึกษาวิจัยรองรับ ชุมชนป้อมมหากาฬคือหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์ จึงเป็นองค์ประกอบหนึ่งของพื้นที่โบราณสถาน ที่จะรื้อทำลายมิได้แต่ต้องอนุรักษ์ฟื้นฟูให้เป็นส่วนหนึ่งของหลักฐานทางประวัติศาสตร์
3. พื้นที่โบราณสถานและอุทยานประวัติศาสตร์สามารถมีชุมชนอยู่ได้ โดยมีการจัดทำแผนแม่บท ดังเช่น พื้นที่เกาะเมืองอยุธยา ที่ชุมชนอยู่ในพื้นที่โบราณสถาน และมีการจัดทำแผนแม่บทในการอนุรักษ์จัดการ ดังนั้น การอนุรักษ์โบราณสถานในปัจจุบันจึงไม่ควรยึดติดเพียงแค่การใช้อำนาจบังคับของกฎหมายเวนคืน และกรรมสิทธิ์ แต่ยังมีการทำงานที่ต้องดูถึงเป้าหมายและผลประโยชน์ส่วนรวมในการรักษามรดกวัฒนธรรม หลักฐานทางประวัตศาสตร์ของชาติไว้ให้คงอยู่หลักสิทธิชุมชน สิทธิทางวัฒนธรรม สิทธิตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายด้านอื่น เช่น โบราณสถาน กฎบัตรการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรม
ซึ่งมีหลักการ แนวทางการมีส่วนร่วม การจัดการพื้นที่ ในด้านต่าง ๆ จึงควรนำหลักการอนุรักษ์โบราณสถานและมรดกวัฒนธรรม และงานวิจัย ”ชุมชนบ้านไม้โบราณป้อมมหากาฬ” มาสู่การปฏิบัติกับกรณีจริงที่ชุมชมประวัติศาสตร์ป้อมมหากาฬ สามารถอยู่ร่วมกับโบราณสถานได้ อย่างมีส่วนร่วม ให้พื้นที่ชุมชนป้อมมหากาฬ สวน และโบราณสถานเป็นพื้นที่นำร่องนวัตกรรมการอนุรักษ์ที่ชุมชนและโบราณสถานอยู่ร่วมกันได้ และจะเป็นต้นแบบของการนำแนวทางการอนุรักษ์ไปในการจัดการพื้นที่ชุมชนประวัติศาสตร์มรดกวัฒนธรรมอื่น ๆ อย่างมีส่วนร่วม โดยไม่ต้องไล่รื้อ และรักษาคุณค่าได้อย่างมีส่วนร่วม มีกติกา มีกลไกการติดตามตรวจสอบ
4. การจัดทำแนวทางแก้ปัญหาร่วมกันตามหลักการอนุรักษ์ โดยที่ไม่ยึดเพียงมุมมองภาครัฐที่มุ่งการใช้กฎหมายบังคับและดูเพียงกรรมสิทธิ์การรับเงินเท่านั้น จำเป็นต้องมีคณะกรรมการร่วมในลักษณะพหุภาคี เช่น ภาคราชการ ภาคชุมชน ภาคประชาสังคม ภาควิชาการวิชาชีพ ทั้งด้านกฎหมาย ด้านมรดกวัฒนธรรม ด้านการคลัง ด้านสิทธิชุมชน ที่มิได้มีแต่การทำงานที่พิจารณาเพียงอำนาจหน้าที่หน่วยงานตามกฎหมายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาในมติของการคุ้มครองสิทธิ์การรักษาคุณค่าของชุมชน ซึ่งเป็นมรดกวัฒนธรรมอันเป็นประโยชน์สาธารณะของชาติด้วยเช่นกัน
5. การดำรงอยู่ของชุมชนป้อมมหากาฬที่ผ่านมา มิได้ก่อให้เกิดความเสียหาย และมีการมีส่วนร่วมมาตลอดกับกิจกรรมการอนุรักษ์เกาะรัตนโกสินทร์ ชุมชนมีระบบการดูและจัดการ และเคยมีข้อตกลงร่วมกับกรุงเทพมหานคร ที่จะอยู่ร่วมกับโบราณสถาน ซึ่งสามารถปรับปรุงข้อตกลงร่วมกันให้ดียิ่งขึ้นได้ในระหว่างการจัดทำแนวทางการอยู่ร่วมกันของชุมชนประวัติศาสตร์มรดกวัฒนธรรมนี้กับพื้นที่อนุรักษ์โดยใช้ผลการทำงานของกรรมการพหุภาคีร่วมกัน และนำไปใช้เป็นแนวทางการจัดทำผังเฉพาะพื้นที่สวนสาธารณะ โบราณสถาน และชุมชนป้อมมหากาฬ เพื่อออกเป็นข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครต่อไป และให้เป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บทกรุงรัตนโกสินทร์ที่จะมีการจัดทำใหม่
6. ในส่วนของพื้นที่โบราณสถานและมรดกวัฒนธรรมชุมชนบ้านไม้โบราณนี้ กรมศิลปากร ควรเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร และองค์กรอนุรักษ์องค์กรด้านวิชาชีพวิชาการ ภาคประชาสังคม และชุมชน เพื่อสำรวจพื้นที่ ความเป็นโบราณสถาน ด้วยการมีส่วนร่วม เพื่อให้เป็นการเรียนรู้ เข้าใจร่วมกัน ในแนวทางการการอนุรักษ์และจัดการพื้นที่อย่างมีส่วนร่วม แต่เนื่องจาก การดำเนินการของกรุงเทพมหานคร มิได้เปิดใจกว้างต่อการแก้ไขปัญหาชุมชนป้อมมหากาฬ ที่จะให้มีคณะทำงานจากฝ่ายต่าง ๆ มามีส่วนร่วมแก้ไขปัญหา แต่กลับเน้นการใช้อำนาจและการอ้างกฎหมาย โดยที่มิได้มีการจัดกระบวนการรับฟังต่อข้อเสนอแนะการให้ความเห็นตามกฎหมายในด้านอื่น และแนวทางการอนุรักษ์ที่มีกฎหมายและกฎบัตรที่ปฏิบัติเป็นสากลเครือข่ายวางแผนและผังเมือง
จึงมีข้อเสนอไปยัง นายกรัฐมนตรีและในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อโปรดพิจารณาสั่งการให้กรุงเทพมหานครหยุดการไล่รื้อชุมชนป้อมมหากาฬ และให้มีการตั้งคณะกรรมการพหุภคีที่มีตัวแทนจากทุกภาคส่วน มาร่วมกันหาข้อสรุป และแนวทางแก้ไขปัญหาชุมชนป้อมมหากาฬด้วยการมีส่วนร่วม โดยยึดหลักธรรมาภิบาล และหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางปฏิรูปประเทศไทย ที่ประชาชนมีส่วนร่วม และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป
