คณะนิติราษฎร์ ส่งไม้ต่อ ครก.112 ขับเคลื่อนล่าชื่อเสนอแก้กม.หมิ่น
‘นิธิ’ ชี้การให้อำนาจใครก็ได้ กล่าวหาฟ้องร้องคนทำผิด ม.112 ยังผลทำให้มีการใช้กม.พร่ำเพรื่อ ‘วรเจตน์’ รับขอเสนอคณะนิติราษฎร์ เป็นของร้อนที่ไม่มีใครอยากแตะต้อง โดยเฉพาะพรรคการเมือง
วันที่ 15 มกราคม คณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 จัดเวทีวิชาการ-ศิลปวัฒนธรรม “แก้ไขมาตรา 112” ณ หอประชุมศรีบูรพา (หอประชุมเล็ก) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งภายในงานประกอบด้วย การเปิดตัว “คณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 (ครก.112)” การระดมชื่อประชาชนอย่างน้อย 1 หมื่นชื่อเพื่อผลักดันร่างแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ของคณะนิติราษฎร์ เข้าสู่รัฐสภา โดยช่วงแรก รศ.ดร.กฤตยา อาชวนิจกุล ตัวแทน ครก.112 และนักวิชาการสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล อ่านแถลงการณ์ (คลิกอ่านแถลงการณ์) ก่อนจะมีการเปิดเทป ปาฐกถา “ทำไมจึงต้องแก้ไขมาตรา 112” โดย ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์
ศ.ดร.นิธิ กล่าวตอนหนึ่งถึงสถิติที่เกี่ยวกับคดีในมาตรา 112 ในศาลอาญา ทศวรรษ 2540 ปีหนึ่งๆ มีไม่เกิน 10 คดี แต่พอช่วงทศวรรษ 2550 เป็นต้นมา คดีความเกิดขึ้นมากมาย บางปีมีกว่า 200 คดี เฉพาะ ปี 2553 ปีเดียวมีเกือบ 400 คดี ขณะที่ผู้ถูกฟ้องร้องเมื่อถึงศาลแล้ว ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการประกันตัว เพราะศาลเห็นว่า เป็นคดีร้ายแรง
“เนื้อหาของกฎหมาย มาตรา 112 เราไม่สามารถนิยามได้อย่างชัดเจนว่า การดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ นั้นเป็นอย่างไร ซึ่งขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของผู้พิพากษาโดยตรง แต่หากย้อนกลับไปดูเมื่อ 10-20 ปีที่ผ่านมา คดีเหล่านี้ ที่ถูกยกฟ้องกับที่ถูกตัดสินจำคุกนั้น ก็ไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่นอน”
ศ.ดร.นิธิ กล่าวอีกว่า ในปัจจุบันนี้เราต้องคิดให้หนัก และไม่ควรอย่างยิ่ง ที่จะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นปรปักษ์ กับระบอบประชาธิปไตย ถือเป็นการทำร้ายสถาบันกษัตริย์โดยตรง ขณะที่สัดส่วนการลงโทษจำคุก 3 ปีเป็นอย่างต่ำ และสูงสุด 15 ปีนั้นต่อ 1 กระทงความผิด นั้นแรงกว่าที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะการนำมาตรา 112 ไปอยู่ในหมวดความมั่นคงแห่งรัฐ ทำให้จำเป็นต้องวินิจฉัยความผิดของคนกระทำผิดให้อยู่ในหมวดความมั่นคงแห่งรัฐด้วย ดังนั้นส่วนนี้จึงเป็นปัญหาค่อนข้างมาก
“อีกประเด็น คืออำนาจการกล่าวหาฟ้องร้องบุคคลที่ทำผิดตามมาตรา 112 ให้ใครก็ได้มีสิทธิ์ฟ้องร้องนั้น ผลทำให้มีการใช้พร่ำเพรื่อ ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง และถูกใช้เป็นเครื่องมือส่วนตัว การมีความพยายามแก้ไขมาตรา 112 จึงต้องให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเท่านั้น ที่จะใช้อำนาจวินิจฉัยว่าควรหรือไม่ควรฟ้องร้อง กล่าวโทษบุคคลใดบุคคลหนึ่งตามมาตรานี้”ศ.ดร.นิธิ กล่าว และว่า คดีที่เกี่ยวกับมาตรา 112 มีนัย และความหมายทางการเมือง การตัดสินใจดำเนินคดี หรือไม่ดำเนินคดีจึงต้องใช้การพิจารณาที่กว้างกว่าบทบัญญัติทางกฎหมาย
นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ กล่าวด้วยว่า กฎหมายอาญา มาตรา 112 เปิดช่องให้มีการใช้กฎหมายไปในทางที่ฉ้อฉลต่อเจตจำนงค่อนข้างมาก ดังนั้นการบอกว่า ตัวกฎหมายไม่มีปัญหา ขอให้แก้ไขเรื่องการปฏิบัติเพียงอย่างเดียว จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ด้วยไม่มีหลักประกันว่า การป้องกันการปฏิบัติที่ฉ้อฉล ซ้ำร้ายภายใต้เงื่อนไขภายใต้วัฒนธรรม การเมือง ยิ่งทำให้กฎหมายถูกใช้ฉ้อฉลมากยิ่งขึ้นไปอีก
ขณะที่นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงข้อเสนอเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ของคณะนิติราษฎร์ และกระบวนการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย โดยจะใช้เวลา 112 วัน รวบรวบรายชื่อ และขับเคลื่อนการรวบรวมรายชื่อผ่าน ครก.112 อีกทั้ง ระบุถึงเป้าประสงค์ที่พยายามทำให้บทบัญญัติในเรื่องนี้ได้มาตรฐานสากล และเป็นที่ยอมรับของนานาอารยประเทศ
นายวรเจตน์ กล่าวถึงการแก้ปัญหาความขัดแย้งในทางการเมืองของคนชาติ ในส่วนของความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ตามข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มีดร.คณิต ณ นคร เป็นประธาน ที่มีข้อเสนอแก้ไข โดยเฉพาะในส่วนระวางโทษของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นั้น จากระวางโทษจำคุก ขั้นต่ำ 3-15 ปีนั้น ให้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ว่า ข้อเสนอนี้ ยังไม่ได้มาตรฐานสากล
และกรณีที่ คอป.เสนอให้ เลขาธิการพระราชวัง ร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งแตกต่างจากข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ ที่ห้ามบุคคลใดกล่าวโทษผู้ทำผิด ให้สำนักราชเลขาธิการ มีอำนาจ เท่านั้น นายวรเจตน์ กล่าวว่า สำนักราชเลขาธิการ มีกองนิติการ เป็นหน่วยงานระดับกอง มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลรักษากฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานที่เหมาะสมสุด คือสำนักราชเลขาธิการ พร้อมทั้งแสดงความเห็นว่า ข้อเสนอของ คอป.ให้อำนาจเลขาธิการพระราชวังนั้น ยังไม่ตรงกับภารกิจ
“การเสนอเพื่อแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของคณะนิติราษฎร์นั้น เป็นของร้อนที่ไม่มีใครอยากแตะต้อง โดยเฉพาะพรรคการเมืองทุกพรรค ก็ปฏิเสธไม่เข้ามายุ่งอย่างชัดเจน แต่เชื่อว่าถึงวันนั้น จะมีการเปลี่ยนใจ”
ทั้งนี้ สำหรับแผ่นพับของการรณรงค์แก้มาตรา 112 ปรากฎรายชื่อบุคคลสำคัญ ๆ ที่ลงชื่อสนับสนุนข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ เช่น ชาญวิทย์ เกษตรศิริ,สุจิตต์ วงษ์เทศ เกษียร เตชะพีระ,นิธิ เอียวศรีวงษ์,ผาสุก พงษ์ไพจิตร,รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์,เสกสรรค์ ประเสริฐกุล,วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล, อนุสรณ์ ธรรมใจ,สมชาย ปรีชาศิลปกุล,วรเจตน์ ภาคีรัตน์,ธงชัย วินิจจะกูล,นิธินันท์ ยอแสงรัตน์ ,จีรนุช เปรมชัยพร,อธิคม คุณาวุฒิ,สฤณี อาชวานันทกุล และปราบดา หยุ่น เป็นต้น