พาณิชย์ชูราคาแนะนำอาหารสำเร็จรูปดักทางผู้ค้าฉวยขึ้นตามเอ็นจีวี
"พาณิชย์" ย้ำขึ้นเอ็นจีวี-แอลพีจี ดันต้นทุนผลิตสินค้าและเงินเฟ้อเพิ่มไม่ถึง 1% ก.พ.นี้เตรียมคลอดราคาแนะนำอาหารปรุงสำเร็จ ชี้ทางเลือก ผู้บริโภค และคุมสินค้าแห่ฉวยโอกาสขึ้นราคา
กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ก่อนหน้านี้ได้ชี้แจงถึงผลกระทบเมื่อราคาแอลพีจีและก๊าซเอ็นจีวีขึ้นราคา หลังวันที่ 15 มกราคมนี้เป็นต้นไป อีกกิโลกรัม 3-6 บาท จะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อเพียง 0.05% แบ่งเป็น 2 ด้าน คือด้านแรกผลกระทบทางตรงต่อราคาสินค้าและบริการ มีสินค้าที่จะได้รับผลกระทบ รุนแรงต้นทุนเพิ่มขึ้น 10 อันดับแรก ได้แก่ปูนซีเมนต์พอร์ตแลนด์ เพิ่มขึ้น 1.8-3.8% ท่อพีวีซี 1.2-2.7% พัดลมขนาด 12 นิ้ว 1.0-2.1% น้ำดื่มบรรจุขวดขนาด 500 ซีซี. 1.0-2.1% ผงซักฟอกขนาด 1,000 กรัม 0.7-1.5% กระดาษชำระบรรจุแพ็ก 0.8-1.8% กระดาษเช็ดหน้าบรรจุแพ็ก 0.6-1.3% กระดาษปรู๊ฟ 0.57-1.22% กระติกน้ำร้อนไฟฟ้า 0.47-0.99% และคอนกรีตบล็อก 0.4-0.9% ด้านที่ 2 ผลกระทบทางอ้อมจากการปรับราคาค่าบริการสารสาธารณะ แต่กระทรวงจะยังบริหารจัดการราคาสินค้าให้อยู่ในระดับเหมาะสมได้ โดยเฉพาะสินค้าหมวดเกษตรและอาหาร
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 เตรียมจัดทำราคาแนะนำอาหารสำเร็จรูปทั่วประเทศ เพื่อขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการปฏิบัติ เพื่อดูแลราคาสินค้าให้เหมาะสมกับต้นทุนเป็นข้อมูลให้ผู้บริโภคใช้เป็น ข้อมูลการตัดสินใจได้ รวมทั้งจะเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าทางเลือก โดยจะกระจายพื้นที่จัดเมนูธงฟ้าควบคู่กันไป
หลักเกณฑ์การกำหนดราคา แนะนำ จะพิจารณาคำนวณจากปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาอาหารปรุงสำเร็จ ทิศทางราคาอาหารปรุงสำเร็จ ราคาอาหารปรุงสำเร็จแต่ละพื้นที่จะไม่เท่ากัน โดยจะแบ่งเป็นโซนนิ่ง เช่น ฟู้ดคอร์ต ตลาดสด อาคารสำนักงาน ตึกแถว ริมทาง เบื้องต้นจะกำหนดราคาแนะนำในกลุ่มอาหารยอดนิยม เช่น ข้าวไข่เจียว ข้าวผัดกะเพรา ข้าวหมูแดง ก๋วยเตี๋ยว
"สาเหตุที่จะต้องดูแลอาหาร ปรุงสำเร็จ เพราะจากการติดตามสถานการณ์ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ราคาวัตถุดิบในการผลิต เช่น เนื้อหมู-ไก่ ไข่ไก่ ผัก มีความผันผวน บางช่วงปรับราคาสูงขึ้นและลดลงตามผลผลิตที่ออกสู่ตลาด ขณะที่ราคาอาหารปรุงสำเร็จปรับสูงขึ้นอย่างเดียว ไม่สอดคล้องกับราคาวัตถุดิบเปลี่ยนแปลงขึ้นลง และพฤติกรรมการบริโภค ภาวะเศรษฐกิจภายในและ ต่างประเทศ ตลอด 3 ปี ช่วง 2551-54 ภาวะเศรษฐกิจโลก เปลี่ยนแปลงหลายด้าน เช่น เศรษฐกิจต่างประเทศตกต่ำ ภัยธรรมชาติ ภัยแล้ง น้ำท่วม ดังนั้น อาจจะต้องพิจารณาใช้ปัจจัยราคาปีฐาน 2550 เพราะระดับราคาอยู่ระดับปกติ" นางวัชรีกล่าว
นางผุสดี กำปั่นทอง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จะไม่พิจารณาให้ผู้ประกอบการสินค้าที่ขอขึ้นราคา โดยอ้างต้นทุนผลิตสูงขึ้นจากการปรับขึ้นค่าก๊าซเอ็นจีวีและก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) โดยเฉพาะก๊าซเอ็นจีวีที่จะปรับราคาตามขั้นบันไดตลอดปี 2555 จนครบ 6 บาท/ลิตร เนื่องจากการปรับราคาดังกล่าวไม่ได้กระทบต่อต้นทุนการผลิตหลักของสินค้า แต่เป็นเพียงกระทบต้นทุนค่าขนส่ง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 20% ซึ่งภาวะการปรับราคาดังกล่าว จะกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อทั้งปีไม่ถึง 1%
สำหรับ สถานการณ์สินค้าช่วงมกราคมนี้ยังไม่มีผู้ผลิตขอปรับราคา แต่ก่อนหน้านี้มีสินค้าขอขึ้น ทั้งแบตเตอรี่ สายไฟฟ้า และยางรถยนต์ เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบหลักในตลาดโลกสูงขึ้น ทั้งทองแดง ดีบุก ยางพารา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ส่งหนังสือยืนยันราคา เช่นเดียวกับข้าวสารบรรจุถุงคาดจะทยอยขึ้นอีก 5-10% มีน้ำมันปาล์ม บรรจุขวดส่งหนังสือขอมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2554 แต่กรมยังไม่พิจารณาเพดานใหม่ เพราะแนวโน้มปาล์มดิบราคาเริ่มลดลงแล้ว . ![]()
