'พ.ต.ท.' ฟ้องศาล ปค. ถอนมติ ป.ป.ช. คดีถูกชี้มูลเรียกเงินจับน้ำมันเถื่อน
'พ.ต.ท.' ยื่นฟ้องศาล ปค. เพิกถอนมติ ป.ป.ช. กรณีถูกชี้มูลเรียกเงินจับน้ำมันเถื่อน อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณา ยัน บ.เอกชนต้องจ่ายค่าปรับกว่าร้อยล.
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศราได้เสนอข่าว กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ลงมติชี้มูลความผิด พันตำรวจเอก เลิศชาย ถิ่นรัตน์ รองผู้บังคับการตำรวจน้ำ กองบังคับการตำรวจน้ำ และ พันตำรวจโท พิเภก ชูวา กรณีถูกกล่าวหาเรียกรับเงินจากผู้ประกอบกิจการผลิตภัณฑ์น้ำมัน เพื่อช่วยเหลือไม่ดำเนินคดี และอายัดสินค้าโดยมิชอบ (อ่านประกอบ : ป.ป.ช.ฟัน "รองผบก.ตำรวจน้ำ" ผิดวินัยร้ายแรง! เรียกเงินเอกชนแลกช่วยคดี)
ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2559 พ.ต.ท.พิเภก ชูวา เจ้าหน้าที่ประจำชุดปฏิบัติการสืบสวนหาข่าวที่ 1 สังกัด ตำรวจน้ำ ได้เข้าชี้แจงกับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ได้ดำเนินคดีกับบริษัท ซีทอป กรีนกรุ๊ป จำกัด และ นายชยันต์ กีรติภัทรกุล กรรมการผู้จัดการ โดยไม่มีการเรียกรับเงินเพื่อช่วยเหลือคดี แต่อย่างใด โดยได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขดำที่ บ.91/2559 ให้ศาลปกครองกลางพิจาณาเพิกถอนมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. และคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (ก.ตร.) มีสาระสำคัญว่า พันตำรวจเอก เลิศชาย ถิ่นรัตน์ และพันตำรวจโท พิเภก ชูวา ขอให้เพิกถอนมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และมติของ ก.ตร. ขณะนี้ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณา
"เพื่อความเป็นธรรมและอำนวยความยุติธรรม เพื่อเป็นการบรรเทาความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงและเกียรติยศของกระผมและครอบครัว และเพื่อเป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริตใจ และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม กระผมจึงใคร่ขอความอนุเคราะห์มายังสำนักข่าวฯ ได้โปรดประชาสัมพันธ์ข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาศาลข้างต้นด้วย" พ.ต.ท.พิเภกชี้แจง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อ 15 ส.ค. 2559 ศาลจังหวัดชลบุรี มีคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ 5727/2558 คดีหมายเลขแดงที่ 2670/2559 ความอาญาระหว่าง พนักงานอัยการ จ.ชลบุรี (โจทก์) กับบริษํท ซีทอป กรีนกรุ๊ป จำกัด (จำเลยที่ 1) และ นายชยันต์ กีริภัทรกุล กรรมการบริษัทฯ (จำเลยที่ 2) สรุปสาระสำคัญว่า
จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 มาตรา 162(2) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำเลยที่ 1 ปรับห้าเท่าของภาษีที่ต้องเสีย เป็นเงินจำนวน 62,478,000 บาท จำเลยที่ 2 จำคุก 6 เดือน ปรับห้าเท่าของภาษีที่ต้องเสีย เป็นเงินจำนวน 62,478,000 บาท ไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 2 เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา
นอกจากนี้ พ.ต.ท.พิเภก ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่ออธิบดีกรมสรรพสามิต ให้เปรียบเทียบปรับบริษัทซีทอปฯ และนายชยันต์ กรณีผิดข้อตกลงกับกรมสรรพสามิต แต่กรมฯ ไม่ดำเนินการ จึงได้ฟ้องกรมสรรพาสามิต คดีหมายเลขดำที่ 1551/2556 ให้กรมฯ เปรียบเทียบปรับทางแพ่งกับบริษัทซีทอปฯ และกรรมการผู้จัดการ ในปริมาณสารละลายไฮโดรคาร์บอน จำนวน 3,471,000 ลิตร แต่ด้วยผลของคำพิพากษาข้างต้น บริษัทซีทอปฯ ต้องชำระค่าปรับกรณีผิดข้อตกลงกับกรมสรรพสามิตจำนวนสองเท่าของค่าภาษีที่ต้องเสียอีก เป็นเงิน 24,991,200 บาท รวมแล้ว บริษัทฯ และนายชยันต์ กรรมการผู้จัดการ ต้องเสียค่าปรับเป็นเงินทั้งสิ้น 149,947,200 บาท (ดูเอกสาร)