ค้นบ้านอดีตเด็ก ปชป.!ตร.เปิดยุทธการบุกบ้านผู้มีอิทธิพล 5 จ.
เปิด ‘ยุทธการไพร่ฟ้าหน้าใส’ ตำรวจนับร้อยปูพรมค้นบ้านผู้มีอิทธิพล-นักการเมืองท้องถิ่น 5 จว. ‘สงขลา’ ลุยค้น 5 จุด 4 อำเภอ บ้าน ‘ไพร พัฒโน’ อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ โดนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 14 ก.ย.2559 กำลังเจ้าหน้าที่ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ประกอบด้วย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) , กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) , กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (บก.ทท.) และกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) รวมเกือบ 100 นาย นำโดย พ.ต.อ.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบก.ปปป. และ พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรณวงศ์ ผกก.6 บก.ป. ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดสงขลา เข้าตรวจค้นเป้าหมายรวม 5 จุด ในพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา คือ อ.หาดใหญ่ สิงหนคร บางกล่ำ และสะเดา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ้านของกลุ่มผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองท้องถิ่นใน จ.สงขลา
ทั้งนี้ หนึ่งใน 5 เป้าหมายเป็นบ้านพักของนายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ และอดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ตั้งอยู่ย่านสถานีขนส่งหาดใหญ่ เขตเทศบาลนคร ซึ่งระหว่างตรวจค้นนายไพร ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยเจ้าหน้าที่ได้ยึดอาวุธปืนพกสั้น 5 กระบอก ไปตรวจสอบว่าเคยนำไปใช้หรือเกี่ยวข้องทางคดีหรือไม่ แต่เบื้องต้นพบว่าเป็นปืนที่มีทะเบียนถูกต้อง อย่างไรก็ตามการเข้าตรวจบ้านพักของนายไพร ไม่เกี่ยวข้องกับคดีความทางการเมืองที่เกี่ยวกับการบริหารงานภายในเทศบาลนครหาดใหญ่แต่อย่างใด
ส่วนเป้าหมายสำคัญอื่นๆที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นและสามารถยึดสิ่งผิดกฎหมายได้หลายรายการ เช่น บ้านเลขที่ 179/9 หมู่5 ต.สทิงหม้อ อ.สิงหนคร ของนายชูชาติ ชูประดิษฐ์ อายุ 55 ปี สามารถยึดอาวุธปืนพกสั้นได้ 2 กระบอก เครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง และรถจักรยานยนต์ 40 คัน ซึ่งเป็นรถที่จำนำไว้
บ้านเลขที่ 204 หมู่4 ต.พังลา อ.สะเดา ของนายวันชัย สุขการ อายุ 54 ปี ยึดอาวุธปืน3 กระบอก เครื่องกระสุน108 นัด และบ้านเลขที่ 219/191 หมู่12 ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด
บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 3 ต.ควนลัง ของนายบุญเวช บุญทองแก้ว อายุ 50 ปี เจ้าพนักงานป่าไม้ จ.สงขลา เนื้อที่กว่า 3 ไร่ ซึ่งมีรั้วล้อมรอบมิดชิด พร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิด และภายในบริเวณด้านยังทำเป็นซุ้มวัวชนอีกด้วย แต่ขณะเข้าตรวจค้นนายบุญเวช ไม่อยู่บ้าน จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ยึดอาวุธปืนพกสั้น.38 จำนวน 1 กระบอก และรถที่จอดอยู่ภายในบ้านอีกอย่างน้อย 6 คัน รวมทั้งรถเบนซ์รุ่น E200 ไปตรวจสอบว่าเป็นรถที่ครอบครองโดยถูกกฎหมายหรือไม่ และจะเชิญนายบุญเวช มาให้ปากคำอีกครั้ง
สำหรับนายบุญเวช ยังเป็นเจ้าของบ่อดินขนาดใหญ่ในพื้นที่ ต.กำแพงเพช อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ซึ่งเคยถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และกองปราบปราม บุกจับกุมมาแล้วหลายครั้ง เนื่องจากบุกรุกพื้นที่ ส.ป.ก. กว่า 70 ไร่ และอยู่ระหว่างประกันตัวสู้คดี
พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าวว่า เป้าหมายของการเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ มีทั้งที่เกี่ยวข้องกับทางคดีและการร้องเรียนเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ รวมถึงเป็นการประสานการทำงานกับเจ้าหน้าที่ในระดับท้องถิ่น เบื้องต้นยึดอาวุธปืนได้ 13 กระบอก และยาเสพติดอีกจำนวนหนึ่ง โดยยังมีเป้าหมายอีกหลายจุดใน จ.สงขลา ที่จะเข้าค้นตรวจค้นต่อไป มีทั้งการทำธุรกิจสีเทา เช่น รับจำนำรถเถื่อน และต้องสงสัยว่ามีอาวุธไว้ในครอบครอง
ด้าน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวว่า การตรวจค้นดังกล่าวเป็นหนึ่งในปฏิบัติการตาม ‘ยุทธการไพรฟ้าหน้าใส. โดยเข้าตรวจค้น 5 จุดสำคัญทั่วประเทศ คือ 1.จ.นนทบุรี จำนวน 5 จุด ได้แก่ บ้านนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ไทรน้อย , บ้านนายก อบต.บางรักน้อย , บ้านนายก อบต.บางบัวทอง , บ้านนายกเทศมนตรีตำบลปลายบาง และบ้านนายกเทศมนตรีตำบลบางเลน 2.จ.ปทุมธานี จำนวน 4 จุด ได้แก่ บ้านนายก อบต.ลำลูกกา , บ้านนายกเทศมนตรีเมืองธัญบุรี , บ้านนายกเทศมนตรีเมืองคลองหลวง และบ้านนายกเทศมนตรีตำบลบึงยี่โถ 3.จ.นครปฐม จำนวน 3 จุด ได้แก่ บ้านนายกเทศมนตรีเมืองกระทุ่มล้ม , บ้านนายกเทศมนตรีตำบลศาลายา และที่ทำการนายกเทศมนตรีตำบลศาลายา 4.จ.สงขลา 5.จ.ชลบุรี ตรวจค้นในพื้นที่ ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ทั้งนี้ สามารถตรวจยึดสิ่งของผิดกฎหมายต่างๆ ประกอบด้วย อาวุธปืน 13 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 110 นัด สำเนาบัญชีธนาคาร จำนวน 14 ฉบับ สำเนาโฉนดที่ดิน จำนวน 5 ฉบับ สำเนาทะเบียนรถ จำนวน 30 ฉบับ สำเนาทะเบียนอาวุธปืน จำนวน 9 ฉบับ พร้อมจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 6 ราย
นอกจากนี้ทางชุดคอมมานโดกองปราบปราม ได้ทำการจับกุมผู้ต้องตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 173/2558 ลงวันที่ 24 เมษายน 2558 (ในคดีค้างเก่า) คือ นายบุญชู สีทับทิม อายุ 57 ปี ซึ่งกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์
ขอบคุณข่าวจาก

