กม.ชุมนุมสาธารณะไม่จำเป็น นพ.นิรันดร์ แนะ ทำระเบียบ-กติกาให้ชัดเจน

นพ.นิรันดร์ ชี้ ปัญหาการชุมนุมไม่เกี่ยวกับตัวกฎหมาย แต่เป็นที่หน่วยงานรัฐไม่บังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ แนะ มาตรการเชิงรุกที่ทำได้ ตั้ง คกก.ดูแลและคลี่คลายปัญหาในการชุมนุมแต่ละครั้ง
นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชน กล่าวกับ "ศูนย์ข่าวสารนโยบายสาธารณะ สำนักข่าวอิศรา" ถึงกรณีที่รัฐจะออกมาตรการในการจัดการชุมนุม ว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการเสนอร่างกฎหมายสาธารณะเข้าสู่สภาและอยู่ระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา แต่เมื่อมีการยุบสภา รัฐบาลชุดใหม่ได้ยืนยันให้สภาพิจารณา ร่างกฎหมายจึงตกไป
“ร่างกฎหมายฉบับนี้ถูกตกไปแล้ว หากจะนำขึ้นมาเสนอใหม่ ต้องเริ่มกระบวนการใหม่ทั้งหมด นั่นคือ ตามกฎหมายแล้ว รัฐมนตรี และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ต้องเป็นผู้เสนอร่างเข้ามาใหม่ และรัฐมนตรีก็ต้องนำเข้าสู่กฤษฎีกา เพื่อพิจารณาว่าจะยกร่างเก่าหรือร่างใหม่ และต้องตั้งกรรมาธิการในการยกร่าง นั่นคือต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ศูนย์”
นพ.นิรันดร์ กล่าวต่อว่า ที่ไม่เห็นด้วยกับการมีร่างกฎหมายฉบับนี้ เนื่องจาก รัฐธรรมนูญมาตรา 63 ระบุไว้ชัดเจน แล้วในแง่ที่ว่าการชุมนุมโดยสงบ สันติ แต่ปัญหาในบ้านเราที่มีการชุมนุมจนกระทั่งเกิดความรุนแรง ไม่ได้เป็นที่ตัวกฎหมาย แต่ปัญหาคือการที่หน่วยงานของรัฐไม่บังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่
“กฎหมายในการดูแลการชุมนุมเหล่านี้มีกว่า 10 ฉบับ ไม่ว่าจะเป็น กฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ดูแลความสงบเรียบร้อยกฎหมายของกรุงเทพมหานครในกรณีมีการชุมนุมในเขตพระนครและ พ.ร.บ.เรื่องของการกระจายเสียง, พ.ร.บ.การจราจร และ พ.ร.บ.การดูแลความสงบเรียบร้อย ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานรัฐแต่ละหน่วยไม่บังคับใช้ ทำให้กฎหมายในการดูแลการชุมนุมไม่เป็นไปอย่างสันติวิธีและทำให้การชุมนุมเกินเลยไปถึงขั้นสถานการณ์ที่มีความรุนแรงมากขึ้น เช่น ตำรวจปล่อยให้มีอาวุธรุนแรงเข้ามาในที่ชุมนุม” กรรมการสิทธิมนุษยชน กล่าวและว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้ต้องให้หน่วยงานของรัฐเข้ามาดูแล ให้เป็นกติกาในเรื่องของการชุมนุม และถ้าการชุมนุมเกินขอบเขต ตำรวจต้องบอกวิธีการสลายชุมนุม และวิธีการจัดการชุมนุมที่เกินขอบเขตของรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้
นพ.นิรันดร์ กล่าวด้วยว่า การชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพของภาคประชาชนที่แสดงออกตามหลักการของสิทธิพลเมือง และเมื่อมีการชุมนุมหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ต้องมารองรับในการตอบคำถาม และคลี่คลายปัญหาที่คนเหล่านั้นลุกขึ้นมาร้องเรียน ซึ่งไม่ใช่ว่าอยู่เฉยๆแล้วจะลุกขึ้นมา คนเหล่านี้ต้องมีเรื่องเดือดร้อน
“มาตรการเชิงรุกที่สามารถทำได้ คือต้องตั้งคณะกรรมการดูแลการชุมนุมแต่ละครั้ง และคลี่คลายปัญหา ซึ่งในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ได้มีการตั้งคณะกรรมการประสานงานกับคณะกรรมการสิทธิฯ เพื่อคลี่คลายการละเมิด นอกจากนี้ต้องกำชับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องไปดูแลในการแก้ไขปัญหาที่ทำให้ภาคประชาชนลุกขึ้นมาชุมนุม”
เมื่อถามถึงกรณีหากมีการชุมนุมบ่อยครั้งจะกลายเป็นเรื่องกฎหมู่เหนือกฎหมายหรือไม่ นพ.นิรันดร์ กล่าวว่า เป็นคำพูดที่เก่ามากแล้ว และเป็นคำพูดในแง่ของการทำลายในการมีส่วนร่วมและการตรวจสอบของประชาชน การชุมนุมของประชาชนไม่ใช่เป็นกฎหมู่แต่เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ต้องมองว่ าการที่ประชาชนรวมตัวคัดค้านเหล่านั้นไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งจากหน่วยงานรัฐ หรือแม้แต่จากโครงการต่างๆของรัฐ ฉะนั้นต้องการแก้ไขในสิ่งที่เขาเดือดร้อน
“หากมองว่าเป็นกฎหมู่เป็นการมองผิดตั้งแต่แรก ต้องมองว่าคนเหล่านี้ลุกขึ้นมาเพื่อต้องการการมีส่วนร่วมทางการเมือง รัฐเองต้องเข้าไปรับข้อเรียกร้องมาพิจารณาและให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องไปตอบคำถาม และดูว่ามีประเด็นการละเมิดและทำให้เดือดร้อนจริงหรือไม่ นี่คือการมีส่วนร่วมของประชาชนที่เดือดร้อน และต้องการที่จะมีส่วนร่วมทางการเมือง กระตือรือร้นในการเป็นพลเมือง ไม่ใช่ให้รัฐบาลส่งสารแต่เป็นการให้รัฐปฏิบัติตามหน้าที่การใช้อำนาจรัฐ และในฐานะที่กินเงินเดือนประชาชนก็ควรต้องแก้ไขปัญหาให้เค้า ประชาชนมอบอำนาจให้รัฐบาลมาแล้ว จึงจะเข้ามาเป็นส่วนร่วม”
นอกจากนี้ นพ.นิรันดร์ กล่าวถึงทางออกในการควบคุมการชุมนุม ว่า ต้องทำกติกา ระเบียบให้ชัด ซึ่งในแต่ละประเทศในเอเชียที่มีการชุมนุมเกิดขึ้นบ่อยๆ และมีข้อตกลงในการชุมนุม ต้องมีมาตรการทางการปกครองของฝ่ายบริหาร ที่จะไปแก้ปัญหาของสังคมก่อน ต้องทำให้หน่วยงานและนักการเมืองต้องเข้าใจถึงประเด็น เพื่อไปแก้ไขปัญหานี้อย่างถูกต้อง
“แต่ทั้งนี้ ผู้ที่เรียกชุมนุมเองต้องยอมรับว่าหากทำอะไรเกินเลยก็เป็นการละเมิด สิทธิเสรีภาพมันมีขอบเขต ไม่ใช่การทำอะไรตามอำเภอใจ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเรื่อง อณาธิปไตย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องเป็นผู้รักษากฎเกณฑ์ อย่าปักธงว่าเป็นการใช้กฎหมู่ หรือออกมาทำให้เกิดความวุ่นวาย แต่ต้องดูว่าการที่ออกมาเกิดจากปัญหาอะไร ซึ่งภาครัฐต้องมีหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือแก้ไขเยียวยา ต้องดูที่ตัวต้นเหตุ ไม่ใช่ปลายเหตุ”
สำหรับความเป็นไปได้ในการจะเสนอร่างกฎหมายชุมนุมสาธารณะขึ้นมาใหม่นั้น นพ.นิรันดร์ กล่าวด้วยว่า ในสมัยรัฐบาลที่แล้ว พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่ปฏิเสธร่างกฎหมายชุมนุมสาธารณะ โดยไม่เข้าร่วมในกรรมาธิการ แต่ปัจจุบันนี้จะเปลี่ยนจุดยืนหรือไม่ ต้องรอดูต่อไป
