กยน. เล็งออกระเบียบสำนักนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่ในภาวะฉุกเฉิน
อนุกรรมการ กยน.เผย เตรียมสร้างเกณฑ์ประกอบการตัดสินใจปฏิบัติหน้าที่ในภาวะฉุกเฉิน เป็นระเบียบสำนักนายก ตั้งกลไกกำหนดเวลาฤดูกาลใหม่ให้สอดคล้องการบริหารจัดการน้ำ ชี้เขื่อนแก่งเสือเต้นช่วยเก็บน้ำได้แค่ 10%
เมื่อวันที่ 20 มกราคม มูลนิอรุณ สรเทศน์ ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดประชุมวิชาการเรื่อง “วิกฤติน้ำท่วมใหญ่ 2554 สาเหตุและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม” ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารเจริญวิศวกรรม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือและป้องกันการเกิดอุทกภัย โดยมี รศ.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ ภาควิชาวิศวกรรมแหล่งน้ำ และหนึ่งในคณะทำงาน คณะอนุกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ชุดเร่งด่วน บรรยายในหัวข้อ “มูลเหตุของวิกฤติน้ำท่วม 2554 และแนวทางป้องกันแก้ไข”
รศ.สุจริต กล่าวถึงวิกฤติอุทกภัยในปีที่ผ่านมา ดูรุนแรงที่สุด นั่นเพราะคนเมืองได้รับผลกระทบจำนวนมาก ซึ่งการวิเคราะห์ระดับและปริมาณน้ำฝนในปีก่อนๆ เป็นการนำค่าเฉลี่ยปริมาณฝนสะสมในแต่ละปีมาคาดการณ์ แต่จากนี้ไปค่าความเป็นจริงจะเกินกว่าระดับค่าเฉลี่ย ดังนั้น การบริหารจัดการน้ำจะยึดตามค่าเฉลี่ยต่อไปไม่ได้แล้ว
“จากนี้ไปการบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งการออกแบบตึกและวิศวกรรมต่างๆ ต้องเริ่มคิดกันใหม่แล้วว่า จะออกแบบกันอย่างไรให้สามารถรองรับปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นเช่นนี้ ทั้งนี้ รัฐบาลกำลังคิดออกแบบการบริหารจัดการน้ำกันใหม่ โดยที่คณะกรรมการ กยน.น่าจะสรุปข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำทั้งหมดให้ประชาชนรับทราบ ได้ภายในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้”
รศ.สุจริต กล่าวต่อว่า ต้องยอมรับช่วงแรกการบริหารจัดการน้ำทำได้ไม่ดี เมื่อมารวมกับปริมาณน้ำฝนในพื้นที่กว่า 60% ปริมาณน้ำจากเขื่อน 20% และจากแม่น้ำยมอีก 20% สถานการณ์จึงรับมือได้ยากขึ้น ในส่วนนี้ทางรัฐบาล โดยคณะกรรมการ กยน. คาดไว้ว่า จะระบายน้ำในเขื่อนออกในช่วงเดือนกรกฎาคม แทนที่จะเป็นสิงหาคม หรือกันยายนเหมือนทุกๆ ปี เนื่องจากปีนี้มีปริมาณน้ำอยู่จำนวนมากกว่า 80% จะระบายให้เหลือเพียง 50%
“เมื่อเราอาศัยธรรมชาติก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติ ดังนั้น ในแต่ละปีต่อจากนี้จุดเริ่มต้นในการระบายน้ำต้องมีการวิเคราะห์ใหม่ แทนที่จะระบายในช่วงเดือนเดียวกันเหมือนทุกปี ไม่สามารถวัดค่าเฉลี่ยปริมาณน้ำจากได้แล้ว ซึ่งระบบจะสอดคล้องไปกับภาคเกษตรกรรม มีกลไกกำหนดเวลาฤดูกาล ที่อาจปรับให้เริ่มปลูกข้าวในวันที่ 1 พฤษภาคม เพื่อให้ทันต่อการเก็บเกี่ยวก่อนที่จะมีการระบายน้ำ โดยช่วงก่อนสงกรานต์จะเริ่มสื่อสารกับประชาชนและภาคเกษตรกรรม ย้ำว่า ในปีนี้จะมีการประกาศล่วงหน้าอย่างแน่นอน”
รศ.สุจริต กล่าวด้วยว่า คณะทำงานได้เตรียมจะเสนอระเบียบสำนักนายก เพื่ออาศัยการปฏิบัติหน้าที่ในภาวะฉุกเฉิน ตั้งเกณฑ์เป็นข้อๆ เช่น นิยามของคำว่า ภาวะฉุกเฉิน เพื่อเป็นเครื่องมือให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจเลือกใช้เกณฑ์ต่างๆ ตามสถานการณ์ ไม่อย่างนั้นนายกรัฐมนตรีก็จะต้องรับผิดชอบทั้งหมด และจะถกเถียงกันถึงการตัดสินใจของคณะทำงาน ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวนี้จะวางรากฐานไว้สำหรับปีต่อๆ ไปด้วย
สำหรับข้อเสนอในการสร้างเขื่อนลุ่มน้ำยม รศ.สุจริต กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ที่มาของน้ำ จากทิศเหนือรวมปริมาณน้ำไหลเข้าทั้งหมดประมาณ 40,928.61 ล้านลบ.ม. โดยที่มีน้ำตกค้างสะสมอยู่ประมาณ 6,180.26 ล้านลบ.ม. ปริมาณน้ำจากลุ่มน้ำยมประมาณ 11,124.25 ล้านลบ.ม. และที่เหลือเป็นน้ำจากเขื่อนภูมิพล 3,776.42 ล้านลบ.ม. เขื่อนสิริกิติ์ 5,209.07 ล้านลบ.ม. และลุ่มน้ำวังอีก 3,520.42 ล้านลบ.ม. จึงเป็นที่มาของแนวคิดในการสร้างเขื่อนในลุ่มน้ำยม
“เขื่อนในลุ่มน้ำยม หรือ แก่งเสือเต้น จะมีขนาด 11,700 ล้านลบ.ม.แต่จะต้องรองรับปริมาณน้ำเข้าเขื่อนประมาณ 11,000 ล้านลบ.ม.ดังนั้น การสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นจะช่วยกักเก็บน้ำได้เพียง 10% เท่านั้น ซึ่งคณะทำงานก็เห็นว่าแม้ช่วยได้เพียง 10% ก็เอาแล้ว ทั้งนี้ การสร้างเขื่อนจัดอยู่ในคณะอนุกรรมการฯ ชุดยั่งยืน ที่วางกรอบเวลาของแผนไว้ 3 ปี ในช่วงนี้จึงต้องมีการสำรวจความคิดเห็นก่อน”
ในส่วนคณะอนุกรรมการฯ ชุดเร่งด่วน รศ.สุจริต กล่าวว่า ขณะนี้แผนระยะสั้นที่ผ่านการพิจารณาของ ครม.แล้ว ได้นำเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติว กำลังรอสำนักงบประมาณพิจารณา ซึ่งคาดว่าภายใน 1 กุมภาพันธ์จะผ่านและสามารถเริ่มก่อสร้างบางอย่างได้ในต้นเดือนมีนาคม เช่น คูคลอง ประตูระบายน้ำ เสริมถนนและเสริมปั๊มน้ำ
จากนั้น รศ.ดร.ไพศาล สันติธรรมนนท์ ภาควิชาวิศวกรรมสำรวจ ได้นำเสนอ “แนวทางป้องกันแก้ไขวิกฤติน้ำท่วมในอนาคตโดยใช้โปรแกรม Flood Rest” ว่า เป็นซอฟท์แวร์ออนไลน์ที่สามารถใช้การได้แล้ว โดยใช้ค่าระดับน้ำทะเลปานกลาง และระดับความสูงของพื้นที่จากระดับน้ำทะเล มาประเมินความเสี่ยงภัยน้ำท่วมของประชาชน คาดการณ์ระดับน้ำท่วมที่พักอาศัย หรือพื้นถนนจากแผนที่ดาวเทียม เพื่อวางแผนการเดินทาง ประเมินสถานการณ์หรือเตรียมอพยพได้อย่างแม่นยำขึ้น แก้ปัญหาจากระบบข้อมูลของภาครัฐ จืดชืด ไม่มีสีสัน ใช้งานยาก ซับซ้อน เข้าถึงได้ยากและต่อยอดไม่ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
นายกฯ แถลงแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล
