โพลชี้ ปชช.เชื่อใจ บิ๊กตู่
โพลชี้ประชาชนเชื่อมั่น”บิ๊กตู่”เป็นผู้นำพูดจริง-ทำจริง แต่ข้าวของแพงสอบตก นายกฯชูเอซีดีหนึ่งเดียว
“ประยุทธ์” เปิดงาน “เอซีดี” ประชุมภาคธุรกิจกรอบความร่วมมือเอเชีย ย้ำเป็นหนึ่งเดียว ชี้ประเทศไทยขัดแย้งกันไม่ได้อีกแล้ว ปชป.แนะ กรธ.ร่างกฎหมาย กกต.ให้รัดกุม อย่าเปิดช่องให้มีการทุจริตเลือกตั้งได้ ด้าน “ยะใส” แนะนายกฯ ควรเปิดให้มีการสอบสวนทุกเรื่องที่สังคมแคลงใจ ไม่จำเป็นต้องป้องคนใกล้ตัวทุกเรื่อง ขณะที่สำนักโพลชี้ผลสำรวจประชาชน ยังเชื่อใจ “บิ๊กตู่” มีความเป็นผู้นำ พูดจริง-ทำจริง มีแผนการทำงานชัดเจน แต่ “ไม่เชื่อใจ” รัฐบาลยังแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ธุรกิจการค้า การลงทุนซบเซา ประชาชนยังมีความเป็นอยู่ลำบาก ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ข้าวของแพง
นายกฯ เปิดประชุม “เอซีดี”
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 9 ต.ค. ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี ถนนวิทยุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมภาคธุรกิจในกรอบความร่วมมือเอเชีย (เอซีดี คอนเนค) ครั้งที่ 2 ในหัวข้อ “บทบาทสำคัญของภาคธุรกิจ” ตอนหนึ่งว่า เมื่อ 14 ปีที่แล้ว ครอบครัวเอซีดี เริ่มจาก 18 ประเทศ จนขยายเป็น 34 ประเทศ โดยครอบคลุมทุกอนุภูมิภาคของทวีปเอเชีย ซึ่งสะท้อนว่าการส่งเสริมความร่วมมือและการหารืออย่างเป็นมิตรและสร้างสรรค์ โดยนำจุดแข็งที่หลากหลายของเอเชียผนึกพลังขับเคลื่อน จะทำให้เอเชียเป็นประชาคมที่เติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกันโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
สำหรับประเทศไทยจะขัดแย้งกันไม่ได้อีกแล้ว ต้องแก้ด้วยความเข้าใจและการพัฒนา ถ้าตนพูดอะไรไป ก็อย่าโกรธเคืองและรำคาญ ตนรักทุกคนเหมือนเพื่อน มองเป็นครอบครัวเอซีดีที่ต้องรักและปรารถนาดีต่อกัน ไม่ได้หวังให้ไทยเป็นผู้นำ แต่เราต้องนำไปด้วยกันตามศักยภาพ จึงขอเชิญชวนให้ทุกประเทศกลับมาท่องเที่ยวในไทยอีกในโอกาสต่อไป เหมือนกับตนที่อยากไปหลายประเทศบ่อยๆ แต่ยังไปไม่ได้ในวันนี้เพราะกำลังปฏิรูปทั้งหมด และขอให้ทุกคนมีความสุขในดินแดนแห่งรอยยิ้ม
วอน กรธ.คุมเข้ม กม. กกต.
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กำลังร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่ากฎหมาย กกต.ถือเป็นกฎหมายที่มีความสำคัญต่อการเลือกตั้ง ทุกระดับในประเทศไทย เพราะเป็นองค์กรอิสระที่มากำกับดูแลการเลือกตั้ง ให้เป็นไปตามความถูกต้องเรียบร้อย ถ้า กกต.ไม่ดำเนินการให้เกิดความเรียบร้อย ปล่อยให้มีการทุจริตในการเลือกตั้ง หรือมีการซื้อสิทธิขายเสียงกันอย่างแพร่หลาย ก็จะทำให้ผลการเลือกตั้งเบี่ยงเบนไป ยิ่งปล่อยปละละเลยให้มีการซื้อเสียงมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้เราได้นักการเมืองที่เข้ามาทำงานทางการเมืองที่มุ่งหวังจะใช้อำนาจหน้าที่เพื่อทุจริตคอรัปชั่นมากขึ้นเท่านั้น กกต. จึงเป็นองค์กรอิสระที่สำคัญในการช่วยทำให้การเมืองไทยใสสะอาดมากขึ้น ในการกลั่นกรองนักการเมืองที่ดีให้มีโอกาสเข้ามาทำงานเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง และช่วยสกัดกั้นนักการเมืองที่ทุจริตการเลือกตั้งนักการเมืองที่ซื้อเสียงไม่ให้มีโอกาสเข้ามาทำงานได้
แนะ “บิ๊กตู่” สอบคนใกล้ตัว
นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต กล่าวว่า ตนเห็นว่าในขณะนี้ข่าวคนใกล้ตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประพฤติตัวไม่เหมาะสมหรือพัวพันกับปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนมีถี่ขึ้น จนนายกฯ ต้องออกมาปกป้องและทำให้หลายเรื่องจางหายไปจากหน้าข่าวก็ตาม แต่ไม่ได้หายไปจากความทรงจำของประชาชนและสื่อมวลชน จนอาจถูกขุดคุ้ยในภายหลังหากสถานการณ์เปลี่ยนไป พล.อ.ประยุทธ์ ต้องบริหารต้นทุนความนิยมของประชาชนให้ดี บางเรื่องแม้อาจจะหมิ่นเหม่หรืออาจไม่ผิดกฎหมายแต่สวนกระแสความรู้สึกของประชาชนก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรให้เกิดขึ้น รวมทั้งกลไกตรวจสอบก็ไม่ควรทำงานเอาใจจนเลยเถิดไร้มาตรฐาน เพราะอาจเป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ดีต่อการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นที่รัฐบาลพยายามทำอยู่ เพราะอาจถูกมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติได้
นายกฯ อาจจะลำบากใจกับข่าวคราวคนใกล้ตัว จนจัดการตรงไปตรงมาลำบาก แต่ก็ไม่จำเป็นที่ต้องออกแรงปกป้องทุกเรื่องทุกคน ควรปล่อยให้เจ้าตัวชี้แจงและเปิดทางให้มีการตรวจสอบที่น่าเชื่อถือ ปัญหาที่เกิดขึ้นผมเชื่อว่าประชาชนแยกแยะได้ว่าใครเป็นใคร แต่ก็อยากเห็นมาตรฐานของการตรวจสอบที่ดีและน่าเชื่อถือกว่านี้ ยิ่งช่วงเวลาจากนี้ไปคดีความเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่นของนักการเมืองคนสำคัญๆ หลายพรรคจะถูกตัดสินชี้ขาดมากขึ้น ยิ่งต้องระวังไม่ให้ประชาชนแคลงใจในมาตรฐานของกระบวนการตรวจสอบชี้ขาด
คดีจำนำข้าวจับต้องได้จริง
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชี้แจงว่า คดีจำนำข้าวเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมแล้ว และเป็นแนวทางการให้ข้อมูลเพื่อแก้ต่างกันในศาล ซึ่งสุดท้ายจะเป็นดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณา นโยบายรัฐที่ต้องช่วยเหลือชาวนานั้น เชื่อว่าทุกฝ่ายเห็นด้วย เพียงแต่สังคมคงอยากให้แน่ชัดว่าเป็นชาวนาจริงๆ ไม่ใช่เป็นคนอื่นๆ ที่แอบแฝงเข้ามาแสวงผลประโยชน์แบบมีแบบแผน จะด้วยวิธีไหนอย่างไรเชื่อว่าสังคมคาดเดาได้ไม่ยาก มีหลายฝ่ายให้ความเห็นโครงการที่เหมาะสมนั้น ควรมุ่งไปให้ประโยชน์ที่ชาวนาไม่ใช่เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมแสวงหาประโยชน์คนอื่นๆ เข้าไปมีส่วนร่วม เพราะอาจทำให้ถูกมองว่าผิดวัตถุประสงค์และไม่ตรงเป้าหมายแท้จริง ไปๆ มาๆ กลุ่มที่คอยแฝงรับผลประโยชน์อาจได้ประโยชน์เป็นเม็ดเงินมากกว่าชาวนาเสียอีก
ส่วนประเด็นเรื่องโครงการรับจำนำข้าวนั้น ก็เป็นประเด็นที่สังคมเกิดความเคลือบแคลงสงสัยมีฟ้องร้องมาก่อนหน้าที่ คสช.จะเข้ามาอีกเช่นกัน น่าจะเป็นกรณีทุจริตในแบบที่จับต้องได้จริง ไม่ใช่แค่ใช้ความรู้สึกเชิงอคติแบบบางกรณี และไม่ใช่การปลุกปั่นสร้างกระแสทุจริตกันแบบหลวมๆ เพียงเพื่อหวังจุดกระแสชี้นำความรู้สึกผู้คนทั่วไป หรือเพื่อหวังลดความน่าเชื่อถือกันในทางการเมือง เชื่อสังคมปัจจุบันหนักแน่นและมีวิจารณญาณที่เพียงพอ และมีการใช้วิจารณญาณต่อเรื่องราวต่างๆ อย่างรอบคอบโดยเฉพาะทุกๆ ประเด็นที่เกิดข้อกังวลสงสัย ภาครัฐบริสุทธิ์ใจที่สนับสนุนจะให้มีการตรวจสอบได้ตลอดเวลา
โวอันดับไทยปราบโกงดีขึ้น
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) คนที่ 1 กล่าวถึงสถานการณ์และมาตรการขจัดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในยุคปฏิรูปว่า การคอร์รัปชั่นเป็นปัญหาของสังคมไทยที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะนอกจากจะสร้างความเสียหายแก่ประเทศ คิดเป็นมูลค่าประมาณกว่า 300,000 ล้านบาทต่อปี ตามข้อมูลของสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทยแล้ว คอร์รัปชั่นยังทำลายขีดความสามารถในการแข่งขัน และฉุดรั้งการพัฒนาประเทศ ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมา การป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจังต่อเนื่องทำให้สถานการณ์ปัญหาคอร์รัปชั่นดีขึ้น ซึ่งเห็นได้จากอันดับความโปร่งใสประเทศไทยดีขึ้น โดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสระหว่างประเทศ
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าประเทศไทยมีความตื่นตัวต่อการแก้ไขปัญหา และแม่น้ำ5สายโดยการนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทุ่มเทแก้ไขปัญหาจนก้าวหน้า ปัญหาคอร์รัปชั่นเป็นปัญหาอันดับ 1 ของประเทศที่สะสมหมักหมมมานาน ยังต้องเดินหน้าปราบปรามอย่างเฉียบขาด จึงควรกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติเพื่อให้ทุกคนถือเป็นหน้าที่และควรตั้งเป้าหมายกำจัดทุจริตอย่างต่อเนื่องจริงจัง จึงเสนอให้เป็น “ทศวรรษแห่งการขจัดคอรัปชั่น” ซึ่งตนเชื่อว่ามิติใหม่ของการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นในยุคปฏิรูปจะทำให้เมืองไทยใสสะอาดและเข้มแข็งก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0 ได้อย่างแน่นอน
ส่งร่าง รธน. “บิ๊กตู่” 11 ต.ค.
นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวว่า การประชุม กรธ.ในวันที่ 10 ต.ค.นี้ จะมีทบทวนประเด็นต่างๆ ของร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งรายละเอียดและความถูกต้อง ก่อนที่จะส่งฉบับสมบูรณ์ให้กับนายกรัฐมนตรีในวันที่ 11 ต.ค. ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไข และเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนต่อสังคม หากการแก้ไขเสร็จสมบูรณ์แล้วทาง กรธ.จะเปิดเผยข้อมูล และข้อสังเกตต่อสาธารณชนให้ได้ทราบอย่างแน่นอน ทาง กรธ.จะมีการหารือกัน เรื่องการส่งมอบร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 11 ต.ค.นี้ให้กับนายกรัฐมนตรี จะต้องมีพิธีส่งมอบอย่างเป็นทางการหรือไม่ อย่างไรบ้าง เบื้องต้นคาดการณ์ว่า นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.อาจจะไปมอบให้กับนายกฯ ด้วยตนเอง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ต้องรอการประชุมวันพรุ่งนี้ก่อน
ส่วนเรื่องการร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญนั้น ขณะนี้ กรธ.กำลังเร่งจัดทำกฎหมายพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง และพ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้เสร็จ เพื่อมีเวลาส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้นำไปพิจารณาดำเนินการต่อ ซึ่งทาง กรธ.อยากให้กฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้เสร็จโดยเร็ว เพื่อให้พรรคการเมืองและ กกต.ซึ่งเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งโดยตรง ได้มีเวลาเตรียมตัวทำงานกับกติกา และเพื่อให้การเลือกตั้งทันเวลาตามโรดแม็พ
วันเดียวกันนี้ “ดุสิตโพล” เสนอผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง “ประชาชนเชื่อใจและไม่เชื่ออะไรในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” พบว่าสิ่งที่ประชาชนเชื่อใจรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนใหญ่ร้อยละ 74.36 ตัวนายกรัฐมนตรี เพราะมีความเป็นผู้นำ ซื่อสัตย์ จงรักภักดี พูดจริงทำจริง มีความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองและส่วนรวม รองลงมาร้อยละ 72.57 การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น จัดระเบียบสังคม เพราะมีผลงานให้เห็นต่อเนื่อง เห็นถึงความตั้งใจในการทำงาน ร้อยละ 61.85 เป็นรัฐบาลทหารที่ไม่มีนักการเมืองมาร่วม และร้อยละ 60.06 จะมีการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งมีแผนการทำงานที่มีความชัดเจน ทำงานตามโรดแม็พ รู้กำหนดระยะเวลาที่แน่นอน
ส่วนสิ่งที่ประชาชนไม่เชื่อใจรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น ร้อยละ 78 คิดว่ายังไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ร้อยละ 67 การสร้างความปรองดองในบ้านเมือง เพราะยังมีความขัดแย้งให้เห็น มีการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกัน มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ร้อยละ 65 ระบุว่าความซื่อสัตย์สุจริต เพราะมีข่าวให้เห็นมากขึ้นเกี่ยวกับการทุจริต การใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่เหมาะสม เช่น โครงการอุทยานราชภักดิ์ ทริปฮาวาย และร้อยละ 55 เกี่ยวกับการใช้อำนาจพิเศษ
ปชช.หนุน กกต.จัดเลือกตั้ง
ส่วน “นิด้าโพล” เสนอผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “กกต. ควรทำหน้าที่อะไร” พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 72.96 ระบุว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ควรทำหน้าที่ทั้งจัดการเลือกตั้งและกำกับดูแลการเลือกตั้ง ร้อยละ 15.68 ระบุว่า กกต.ควรทำหน้าที่กำกับดูแลการเลือกตั้งเท่านั้น ร้อยละ 8.32 ระบุว่า กกต.ควรทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งเท่านั้น ส่วนความคิดเห็นต่อการมีคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งระดับจังหวัด ที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่รัฐผู้แทนองค์กรธุรกิจเอกชน ผู้แทนองค์กรประชาสังคมและชุมชน ทำหน้าที่อำนวยการการจัดการเลือกตั้ง ทั้งการเลือกตั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นนั้น พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ 85.68 ระบุว่าเห็นด้วย ขณะที่ร้อยละ 11.2 ระบุว่าไม่เห็นด้วย และร้อยละ 0.08 ระบุว่าควรรับผิดชอบอำนวยการการจัดการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น
ขอบคุณข่าวจาก
