สถาบันอิศราร่วมมือยูนิเซฟมอบรางวัลสื่อสิทธิเด็กปี 6
สถาบันอิศราฯ พร้อม 2 องค์กรวิชาชีพสื่อ จับมือยูนิเซฟ มอบรางวัลข่าว-สารคดีเชิงข่าวส่งเสริมสิทธิเด็ก ปี 6 เพิ่มรางวัล “สิทธิเด็กในภาวะวิกฤตน้ำท่วม 54” อิงกระแสน้องน้ำ
วันที่ 23 ม.ค. 54 สถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ภายใต้การสนับสนุนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย จัด “พิธีมอบรางวัลข่าวและสารคดีเชิงข่าวส่งเสริมสิทธิเด็ก ประจำปี 2554” ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ปาร์ค กรุงเทพฯ
นายมานิจ สุขสมจิตร ประธานมูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย กล่าวเปิดงานว่า สถาบันอิศราฯ ดำเนินการจัดประกวดข่าวและสารคดีเชิงข่าวส่งเสริมสิทธิเด็กต่อเนื่องปีที่ 6 เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน นิสิตนักศึกษาด้านสื่อมวลชน นักเรียน ตลอดจนตระหนักถึงความสำคัญของสิทธิเด็ก ซึ่งได้รับการตอบรับจากทุกฝ่ายเป็นอย่างดี
จากนั้น ภายในงานมีการเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ “ภาพสะท้อนการนำเสนอข่าวสิทธิเด็ก จากมุมมองแหล่งข่าวเด็ก-เยาวชน” โดยเด็กชายเคอิโงะ ซาโต ลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น เยาวชนจากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายบ้านกาญจนาภิเษก เยาวชนจากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนหญิงบ้านปรานี ร่วมเสวนา
ด.ช.เคอิโงะ กล่าวถึงความรู้สึกในช่วงตกเป็นข่าวว่า มีสื่อมวลชนเข้ามาสัมภาษณ์เรื่องราวเกี่ยวครอบครัวจำนวนมาก โดยในขณะนั้นรู้สึกตกใจ ตื่นตระหนก แต่ก็ได้บอกเล่าถึงสิ่งที่แม่ฝากไว้ นั่นคือ ให้ตามหาพ่อ ซึ่งจากหลังมีการนำเสนอข่าวออกไป ชีวิตความเป็นอยู่ก็ดีขึ้น จากเดิมที่ขายของได้วันละ 50-60บาท กลายเป็นขายได้มากถึงวันละ 2,000 พันบาท ได้รับทุนการศึกษาในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ที่สำคัญยังได้เจอกับพ่อชาวญี่ปุ่นแต่ในทางกลับกัน เมื่อถูกตั้งคำถามบ่อยครั้งและไม่สะดวกใจที่จะตอบก็มักจะถูกต่อว่า ดังแล้วหยิ่ง
ขณะที่เยาวชนชายจากบ้านกาญจนาภิเษก กล่าวว่า หลังจากได้กระทำความผิด จิตใจขณะนั้นก็รู้สึกย่ำแย่อย่างมาก อีกทั้งเมื่อถูกตั้งคำถามจากสื่อมวลชนก็รู้สึกย่ำแย่ในใจมากขึ้น เพราะสื่อมีการนำเสนอข่าว โดยเปิดเผยชื่อ และนามสกุลจริงต่อสาธารณชน หลายเรื่องที่ไม่ต้องการเปิดเผย ก็กลายเป็นทุกคนรับรู้ นอกจากนี้เมื่อถูกสื่อมวลชนตั้งคำถามที่รุนแรง ความรู้สึกที่เหมือนกับตกเหว ก็ยากที่จะปีนขึ้นมาได้ไหว เหมือนกับตกนรกทั้งเป็น
เยาวชนชายจากบ้านกาญจนาภิเษก กล่าวต่อว่า ข่าวการกระทำความผิดของตนนั้น ถูกนำเสนอผ่านสื่อบ่อยครั้งเป็นเวลาแรมเดือน เพื่อเรียกเรตติ้ง ขณะที่พาดหัวเกินจากข้อเท็จจริง ทั้งที่เป็นแค่ข่าวของเด็กคนหนึ่งที่เดินหลงทางเท่านั้น การนำเสนอข่าวน่าจะมุ่งเน้นและติดตามข่าวการกระทำความผิดของนักการเมือง ผู้ใหญ่ในสังคมมากกว่า
ทั้งนี้ เยาวชนชายจากบ้านกาญจนาภิเษก กล่าวด้วยว่า การนำเสนอข่าวซ้ำ ๆ ทำให้ถูกตีตราจากสังคมว่าเป็นคนเลว สิ่งเหล่านี้ทำให้คนที่เคยกระทำความผิดลุกขึ้นยืนไม่ไหว และยังส่งผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจของคนในครอบครัว
“เยาวชนทั่วไป ในชีวิตก็มีช่วงเวลาที่สับสน อยากให้สื่อมวลชนให้โอกาสเยาวชนที่ก้าวผิดไปบ้าง มีโอกาสกว่ากลับมามีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม และมีที่ยืนในสังคมอีกครั้ง”
ด้านเยาวชนหญิงจากบ้านปรานี กล่าวว่าอยากให้สื่อมวลชนเห็นใจเด็กและเยาวชนที่กระทำความผิด เพราะสื่อมวลชนมักตั้งคำถามที่เล่าหรือ ซ้ำไปซ้ำมาใช้ภาษาและกิริยาที่ไม่สุภาพ ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าเด็กและเยาวชนจะเป็นผู้กระทำความผิดจริง แต่การกระทำดังกล่าวอาจเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบขาดสติ
“อยากให้สื่อเปิดโอกาสให้เด็ก เยาวชนที่ก้าวพลาดมีที่ยืนในสังคม เพราะไม่ใช่คนที่กระทำความผิดต้องทำผิดตลอดไป อีกทั้งสถานที่เยาวชนผู้กระทำผิดเข้าไปอยู่ไม่ใช่คุก แต่เป็นสถานที่ขัดเกลาให้เยาวชนได้ทบทวนและพัฒนาตนเองเพื่อกลับมามีโอกาส สามารถเรียนหนังสือต่อได้อีกครั้ง”
นอกจากนี้นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี และทูตพิเศษองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า แสดงความยินดีกับทุกท่านที่ได้รับรางวัลประจำปีนี้ ซึ่งถือได้ว่าดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 นับได้ว่าสามารถช่วยจุดประเด็นการละเมิดสิทธิเด็กหลายแง่มุม กระตุ้นการทำงานภาครัฐให้หันมาสนใจและส่งเสริมให้สื่อมวลชนสื่อข่าวเพื่อสิทธิเด็กอย่างสร้างสรรค์
ทั้งนี้ นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา กล่าวถึงผลการตัดสินรางวัล มีดังนี้
รางวัลข่าวและสารคดีเชิงข่าวประเภทสื่อหนังสือพิมพ์
1.รางวัลยอมเยี่ยม จำนวน 1 รางวัล ได้แก่
1.) ผลงานข่าวเรื่อง “โลกมืดหลังเลนส์อะไรก็เป็นไปได้” โดยนิภาพร ทับหุ่น หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
2.รางวัลชมเชย ได้แก่
1.) งานข่าวเรื่อง “สิทธิเยาวชน คน (สกุล) ไม่ดัง” โดยปานใจ ปิ่นจินดา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
2.) ผลงานข่าวเรื่อง “ไม้เรียว รีเทิร์น” โดยชุติมา ซุ้นเจริญ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
รางวัลข่าวและสารคดีเชิงข่าวประเภทสื่อวิทยุกระจายเสียง 1. รางวัลเกียรติคุณ ได้แก่ ผลงานข่าวเรื่อง “ความรักความเข้าใจ ภูมิต้านทาน ของเด็กพิการ” โดย เพาไพลำ สารทรอด สถานีวิทยุแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะที่รางวัลยอดเยี่ยมและรางวัลชมเชย ไม่มีผู้ผ่านการพิจารณา
ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา กล่าวต่อว่า ส่วนรางวัลข่าวและสารคดีเชิงข่าวประเภทสื่อโทรทัศน์ 1.รางวัลยอดเยี่ยม ได้แก่ 1.) ผลงานข่าวเรื่อง “คนไทยพลัดถิ่น เรมะ ปาทาน” โดยรายการชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส 2.รางวัลชมเชย ได้แก่ 1.)ผลงานข่าวเรื่อง “เปิดปมเด็กชายขอบ สิทธิ์ที่ไม่ได้เลือก” โดยรายการเปิดปม สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส 2.)ผลงานข่าวเรื่อง “โรงเรียน (เล็ก ๆ) ของหนู” โดยบริษัท มหาชัยเคเบิลทีวี จำกัด 3.รางวัลชมเชย (พิเศษ) ได้แก่ 1.ผลงานข่าวเรื่อง “ชีวิตที่ถูกล๊อค ของลูกหลานแรงงานพม่า” โดย ธนาวุธ สงวนศักดิ์ สถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนล 2. ผลงานข่าวเรื่อง “เปิดใจ...แรงงานข้ามชาติเสียน้ำตาที่เมืองไทย” โดยอรัญญา ทองอร่าม สถานีข่าวเพื่อชาวปากน้ำโพ 3.ผลงานข่าวเรื่อง “เปิดปม เด็กไร้รัฐ” โดยรายการเปิดปม สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
รางวัลข่าวและสารคดีเชิงข่าวประเภทสื่อหนังสือพิมพ์ฝึกปฏิบัติและหนังสือพิมพ์ฝึกปฏิบัติออนไลน์ 1.รางวัลยอดเยี่ยม ได้แก่ 1.) ผลงานข่าวเรื่อง “ขอสันติคืนกลับมาที่บ้านของหนู” โดยกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์สื่อมวลชน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 2.รางวัลชมเชย ได้แก่ 1.) ผลงานข่าวเรื่อง “สิทธิ-เสียง แห่งความเงียบ โลกที่ด้อยกว่าของเด็กพิเศษ” โดยกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ลานมะพร้าว มหาวิทยาลัยบูรพา 2.) ผลงานข่าวเรื่อง “เกมลามก เสพเซ็กส์ออนไลน์” โดยกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์หอข่าว มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
นายประสงค์ ยังกล่าวว่า รางวัลข่าวและสารคดีเชิงข่าวประเภทสื่อหนังสือพิมพ์ฝึกปฏิบัติในโรงเรียน 1.รางวัลยอดเยี่ยม ได้แก่ 1.)ผลงานหนังสือพิมพ์ฟ้าใหม่ โดยโรงเรียนบ้านนา “นายกพิทยากร” 2.รางวัลชมเชย ได้แก่ 1.)ผลงาน “หนังสือพิมพ์สันป่าตองวิทยาคม” โดยโรงเรียนสันป่าตองวิทยาคม 2.)ผลงาน “หนังสือพิมพ์ไทยรัฐสวัสดี” โดยโรงเรียนอนุบาลไทยรัฐวิทยา 5
รางวัลข่าวฝึกปฏิบัติออนไลน์ส่งเสริมสิทธิเด็กประจำปี 2554 1.รางวัลชมเชย ได้แก่นางสาวพิชชาอร สุขจิตเกษม มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ขณะที่รางวัลยอมเยี่ยมไม่มีผู้ผ่านการพิจารณา ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา กล่าวต่ออีกว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์ปัญหาอุทกภัยใหญ่ 2554 ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้สื่อมวลชนตระหนักในความสำคัญการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร เพื่อป้องกัน แก้ไข ฟื้นฟูและเยียวยาผู้ประสบภัยจากน้ำท่วมอย่างกระตือรือร้น ด้าน “สิทธิเด็กในภาวะวิกฤตน้ำท่วม” ที่ช่วยปกป้อง คุ้มครอง สื่อสารความรู้เรื่องราวที่มีประเด็นน่าสนใจด้านสิทธิเด็ก
“คณะกรรมการพิจารณารางวัลสารคดีเชิงข่าวส่งเสริมสิทธิเด็ก ประจำปี 2554 จึงเห็นเป็นโอกาสสำคัญเพิ่มรางวัลพิเศษภายใต้ชื่อ “สารคดีเชิงข่าวส่งเสริมสิทธิเด็กในภาวะวิกฤตน้ำท่วม ปี 2554” ประเภทสื่อโทรทัศน์ 1.รางวัลชมเชย ได้แก่ 1.)ผลงานข่าวเรื่อง “ยุบโรงเรียนยุวบัณฑิตวิทยาลัยหลังภัยน้ำท่วมนักเรียนผู้เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบทั่วหน้า” โดยนายอนนท์ธวัส บุตรอินทร์ บริษัทเคซีทีวี (นครสวรรค์) จำกัด ขณะที่รางวัลยอดเยี่ยม ไม่มีผู้ผ่านการพิจารณา” นายประสงค์กล่าว.
