อาคารศูนย์ราชการฯ ส่อแววป่วย มลพิษสูงเกินค่ามาตรฐาน
“ประวิช” เผย คกก.สิทธิมนุษยชนฯ ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน สางปัญหามลภาวะอากาศ-ฝุ่นละออง อาคารศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ ระบุ กระทบสุขภาพบุคลากร
นายประวิช รัตนเพียร ผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นตัวแทนบุคลากรที่ปฏิบัติงานในศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้พิจารณาและสอบสวนข้อเท็จจริงการบริหารงานของบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนด้านปัญหาสุขอนามัย อาทิ ความสะอาดของพื้นที่ อากาศและฝุ่นละออง การจราจร สถานที่จอดรถยนต์ รถรับ– ส่งภายในศูนย์ราชการฯ และจำนวนร้านอาหารที่ไม่เพียงพอ ขาดคุณภาพ มีราคาแพง ว่า เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ร่วมประชุมหารือเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และได้รับแจ้งความคืบหน้าจาก ธพส.ว่า ภายในต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะจัดศูนย์อาหารให้ดีขึ้น เนื่องจากปัจจุบันยังติดปัญหากับทางผู้เช่ารายเดิมอยู่ ขณะที่ความสะอาดภายในอาคาร ได้กำชับให้ผู้รับเหมาดูแลทำความสะอาดมากขึ้น รวมถึงมีการจัดสรรจอดรถให้ใหม่อย่างเหมาะสม
ส่วนปัญหามลภาวะอากาศและฝุ่นละอองนั้น นายประวิช กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข เพราะส่งผลต่อสุขภาพของบุคลากรที่อยู่ภายในอาคาร ทำให้เจ็บป่วยง่าย ทั้งเป็นหวัด ภูมิแพ้อากาศ น้ำมูกไหล คันตา ไอระคายคอ ปวดคอ ปวดหัว เป็นต้น
“ทั้งนี้ โดยได้มีการว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาทำการตรวจวัดปริมาณก๊าซคาร์บอนมอนน็อกไซด์ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และฝุ่นละอองภายในอาคารบริเวณชั้น 1, 5, 7 และ 9 ของทุกสำนักงาน ซึ่ง Dr.Jackson Tseng Chia-Hsin ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบคุณภาพอากาศจาก Piahstreams Consultant Services, INC. USA รายงานผลว่า ไม่มีส่วนไหนเลยที่ผ่านเกณฑ์ตามค่ามาตรฐาน กล่าวคือ ค่ามาตรฐานมีค่ากำหนดของปริมาณฝุ่นละอองอยู่ที่ 350 ไมครอนต่อตารางเมตร แต่ค่าต่ำที่สุดของอาคารนี้มากเป็น 2 เท่าของค่ามาตรฐาน โดยเฉพาะห้องประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ชั้น 9 ซึ่งตรวจพบในปริมาณที่มากที่สุด 4,337 ไมครอนต่อตารางเมตร”
นายประวิช กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังพบความชื้นในอากาศไม่สมดุล ทำให้เกิดน้ำหยดลงมาจากท่อแอร์ การที่น้ำหยดลงมาทำให้เกิดความชื้น เกิดการสะสมของเชื้อโรค เชื้อไวรัส และเชื้อรา และที่สำคัญความชื้นส่งผลทางปฏิกริยาเคมีกับวัสดุตกแต่งสำนักงาน ทำให้เกิดสารพิษขึ้นได้ และเนื่องจากอาคารเป็นระบบปิด ทำให้ต้องสูดหายใจปนเปื้อนสิ่งสกปรกตลอดเวลา ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังระบุด้วยว่า เชื้อราดังกล่าวสามารถแพร่กระจายได้จากช่องลิฟท์ที่มีการอัดอากาศขึ้นลงระหว่างชั้น ทุกครั้งที่มีการใช้ลิฟท์เชื้อโรคจึงแพร่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ของอาคาร ขณะนี้จึงได้มีการส่งเชื้อราไปตรวจสอบที่สหรัฐอเมริกา เพื่อให้ทราบชนิดและจะได้แก้ไขได้ถูกต้องต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายประวิช กล่าวด้วยว่า ไม่ได้ต้องการให้ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถูกประกาศเป็น “ตึกป่วย (Sick Building)” เหมือนในสหรัฐอเมริกา ที่พบคนในอาคารป่วยด้วยโรคที่คล้ายกันเกินร้อยละ 2 แต่เนื่องจากศูนย์ราชการฯ มีคนทำงานประมาณ 10,000 กว่าคน หากมีคนป่วยด้วยโรคที่คล้ายคลึงกันถึง 200 คน อาคารแห่งนี้ก็จะกลายเป็นตึกป่วยทันที
“สุขภาพของทรัพยากรบุคคลนั้น มีความสำคัญต่อเนื่องกับการทำงานให้กับประเทศชาติ ผู้ตรวจการแผ่นดินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องร่วมกันหาทางออก ในการแก้ปัญหาด้านสุขอนามัยภายในอาคารศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ”
