ไขคำตอบดราม่าตั้งด่านบนทางหลวง! กฤษฎีกายันตั้งแต่ปี’29 สามารถทำได้
“…ฉะนั้นการที่เจ้าพนักงานตำรวจจะจัดตั้งจุดตรวจ หรือจุดสกัดบนทางหลวง เพื่อดำเนินการจับกุมหรือตรวจค้นผู้กระทำผิดกฏหมายอันเป็นการปฏิบัติการให้เป็นไปตามประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญา เจ้าพนักงานตำรวจจึงมีอำนาจกระทำได้โดยไม่ต้องห้ามตามประกาศคณะปฏิวัติดังกล่าว และเมื่อดำเนินการดังกล่าวไม่ต้องห้ามแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่ต้องขออนุญาตจากผู้อำนวยการทางหลวงเสียก่อนที่จะดำเนินการแต่อย่างใด…”

จากกรณีมีกระแสบนโซเชียลเน็ตเวิร์คในการแชร์คลิปผู้ชายคนหนึ่งได้ตรวจสอบการตั้งด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจบนถนนทางหลวงของ สภ.จอหอ จ.นครราชสีมา ว่าสามารถกระทำได้หรือไม่ โดยลงไปบรรยายข้อกฎหมาย รวมถึง พ.ร.บ.ทางหลวง เกี่ยวกับการตั้งด่านตรวจ พร้อมทั้งขอดูหนังสือขออนุญาตการตั้งด่าน จนสุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องยกเลิกการตั้งด่านและเก็บของขึ้นรถนั้น (ดูคลิปดังกล่าวประกอบ : https://www.youtube.com/watch?v=ysnPhpoFPdM)
ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจค้นข้อมูลพบว่า เมื่อปี 2529 คณะกรรมการกฤษฎีกาเคยวินิจฉัยปัญหา กรณีกรมตำรวจ (ขณะนั้น) หารือว่า หากจะตั้งจุดตรวจและจุดสกัดเพื่อตรวจค้นจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายบนทางหลวงสามารถทำได้หรือไม่ เนื่องจากประกาศของคณะปฏิวัติปี 2515 ฉบับที่ 295ฯ ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ใดวางหรือกองสิ่งใดหรือกระทำการปิดกั้นบนทางหลวง จึงขอหารือว่า
1.การที่ตำรวจผู้มีหน้าที่ได้ออกไปปฏิบัติหน้าที่ในการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัดบนทางหลวง จะต้องขออนุญาตจากผู้อำนวยการทางหลวงด้วยหรือไม่
2.คำว่า “ผู้ใด” ตามประกาศของคณะปฏิวัติฯ หมายความรวมถึงตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งจะต้องขออนุญาตจากผู้อำนวยการทางหลวงด้วยหรือไม่
คณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ 6) ได้รับฟังคำชี้แจงจากผู้แทนกระทรวงมหาดไทย (กรมตำรวจ) และผู้แทนกระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) แล้ว พิจารณาแล้วมีความเห็น สรุปได้ดังนี้
การที่ตำรวจผู้มีหน้าที่ได้ออกไปปฏิบัติหน้าที่ในการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัดบนทางหลวง จะต้องขออนุญาตจากผู้อำนวยการทางหลวงด้วยหรือไม่ เห็นว่า กฎหมายแต่ละฉบับย่อมมีความมุ่งหมายที่จะให้เจ้าหน้าที่รัฐมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการให้สำเร็จตามเจตนารมณ์ของกฏหมายนั้น ๆ ด้วยกันทุกฉบับ
ฉะนั้นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในการปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ ย่อมถือว่ามีความสัมพันธ์สอดคล้องกัน โดยไม่อาจนำบทบัญญัติที่ห้ามบุคคลทั่วไปดำเนินการสิ่งใดในกฏหมายฉบับหนึ่งมาตีความให้เป็นผลลบล้างอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐในกฏหมายอีกฉบับหนึ่งได้ มิฉะนั้นแล้วจะเป็นเหตุให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐตามบทบัญญัติฏหมายไม่อาจกระทำได้ตามเจตนารมณ์ของกฏหมายนั้น
โดยเหตุนี้เมื่อปรากฏว่า ประกาศของคณะปฏิบัติเมื่อปี 2515 ไม่มีบทบัญญัติใดที่ระบุจำกัดอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ กรณีย่อมถือว่าบทบัญญัติที่ห้ามการดำเนินการสิ่งใดบนทางหลวงตามประกาศของคณะปฏิบัติฉบับนี้ ห้ามเฉพาะการกระทำของบุคคลทั่วไป ไม่ได้บังคับถึงการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ฉะนั้นการที่เจ้าพนักงานตำรวจจะจัดตั้งจุดตรวจ หรือจุดสกัดบนทางหลวง เพื่อดำเนินการจับกุมหรือตรวจค้นผู้กระทำผิดกฏหมายอันเป็นการปฏิบัติการให้เป็นไปตามประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญา เจ้าพนักงานตำรวจจึงมีอำนาจกระทำได้โดยไม่ต้องห้ามตามประกาศคณะปฏิวัติดังกล่าว และเมื่อดำเนินการดังกล่าวไม่ต้องห้ามแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่ต้องขออนุญาตจากผู้อำนวยการทางหลวงเสียก่อนที่จะดำเนินการแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดีการดำเนินการดังกล่าวของตำรวจ จะต้องคำนึงถึงความจำเป็นและความสมควรภายใต้ขอบเขตที่เหมาะสมตามอำนาจหน้าที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (10) และมาตรา 17 โดยมิให้เจตนารมณ์ของบทบัญญัติในประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวต้องเสียไปด้วย (ดูเอกสารประกอบ)




