ไม่มีเหตุรอการลงโทษ “อ.ตุ้ม” ละเมิดอำนาจศาลแพ่งปี57
ศาลฎีกาชี้ ไม่มีเหตุรอการลงโทษ “อ.ตุ้ม สุดสงวน” ละเมิดอำนาจศาลแพ่งปี57 เป็นอาจารย์รู้กฎหมาย แต่พาคนมากกดดัน ทำลายสถาบันศาล เหิมเกริมไม่กลัวกฎหมาย
8 พ.ย.59 - ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ผู้อำนวยสำนักอำนวยการประจำศาลแพ่ง โดยพนักงานอัยการเป็นผู้กล่าวหา นางดารุณี กฤตบุญญาลัย, นางสุดสงวน สุธีสร หรืออาจารย์ตุ้ม อาจารย์ประจำ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และนายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต่านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 1- 3 ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 57 หลังจากศาลแพ่งมีคำพิพากษา คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 544/2557 โดยออกคำสั่งห้ามน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นดำเนินการบางประการตามที่โจทก์ในคดีดังกล่าวฟ้อง ซึ่งผู้ถูกล่าวหาทั้งสามร่วมกับพวกประมาณ 130 คน ได้นำพวงหรีดหนึ่งพวง ป้ายเขียนข้อความต่างๆ เช่น “แด่ความอยุติธรรมของศาลแพ่ง” และใช้เครื่องขยายเสียงร้องเพลงเสียดสี เกี่ยวกับการตัดสินคดีของศาลแพ่ง พร้อมตะโกนว่าอยุติธรรม รวมทั้งมีผู้นำตราชั่งและปลัดขิก มาถือและถ่ายภาพที่หน้าศาลแพ่ง
ระหว่างการพิจารณาของศาลแพ่ง นางดารุณี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 หลบหนีไม่มาศาล โดยศาลมีคำสั่งออกหมายจับและสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะนางดารุณีออกจากสารบบความ ส่วนนางสุดสงวน และนายพิชา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2-3 ให้การรับสารภาพ จึงมีคำพิพากษาจำคุกคนละ 2 เดือน ฐานละเมิดอำนาจศาล ซึ่งให้การรับสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 1 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ
นางสุดสงวน และนายพิชา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2-3 ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ นายพิชาถึงแก่ความตาย ศาลอุทธรณ์ จึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะนายพิชา ออกจากสารบบความ ส่วนนางสุดสงวน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เปลี่ยนโทษจำคุก 1 เดือน ให้เป็นโทษกักขัง เป็นเวลา 1 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ขอบคุณข่าวจาก
