เปิดราชกิจจาฯ 3 ฉบับประวัติศาสตร์ 'สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว' เสด็จขึ้นทรงราชย์
เปิดราชกิจจานุเบกษา 3 ฉบับ ประวัติศาสตร์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติอัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์-ประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2559 ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่บันทึกการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่76/2559 (เป็นพิเศษ) วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน 2559 ณ ตึกรัฐสภา เริ่มประชุมเวลา 11.19 นาฬิกา
เมื่อสมาชิกฯ มาครบองค์ประชุมแล้ว ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ขึ้นบัลลังก์และกล่าวเปิดประชุม จากนั้นได้ดําเนินการให้ที่ประชุมพิจารณาเรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม คือ การดําเนินการตามมาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ประกอบกับมาตรา 23 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550
ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ตามที่ได้มีประกาศสํานักพระราชวัง
เรื่อง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร
สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต และนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ นร 1503/44449 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 เรื่อง แจ้งเรื่องการสถาปนาแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้แล้วตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467 แจ้งว่า บัดนี้ ราชบัลลังก์ว่างลงและพระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระรัชทายาทไว้ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467 แล้ว คณะรัฐมนตรีจึงแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบ และให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อรับทราบ และให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป ทั้งนี้ ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช2557 มาตรา 2 ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 23
สภานิติบัญญัติแห่งชาติทําหน้าที่รัฐสภาได้รับทราบการแจ้งมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ต่อจากนั้น
ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ในขั้นตอนต่อไปประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะได้นําความกราบบังคมทูลอัญเชิญ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมารขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของประชาชนชาวไทยสืบไป ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 มาตรา 2 ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 23 โดยในโอกาสอันเป็นมหามงคลนี้ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้เชิญสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติยืนขึ้นเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลใหม่ และกล่าวคําถวายพระพรพร้อมกันว่า “ขอพระองค์ทรงพระเจริญ” พร้อมกับโค้งคํานับ
เลิกประชุมเวลา 11.25 นาฬิกา
วรารัตน์ อติแพทย์
เลขาธิการวุฒิสภา
ปฏิบัติหน้าที่ที่เลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/A/101/1.PDF
ราชกิจจานุเบกษา ยังได้เผยแพร่ประกาศสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง อัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์
โดยที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร
สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ได้เสด็จสวรรคตแล้ว เมื่อวันพฤหัสบดีที่13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เวลา 15 นาฬิกา 52 นาที
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 มาตรา 2 วรรคสอง
ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 23 วรรคหนึ่ง ได้บัญญัติเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์ว่า ในกรณีที่ราชบัลลังก์หากว่างลงและเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467 แล้วให้คณะรัฐมนตรีแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบ และให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อรับทราบและให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป แล้วให้ประธานรัฐสภาประกาศให้ประชาชนทราบ
โดยที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร
สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงแต่งตั้งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณสยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระรัชทายาทไว้ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467 แล้ว เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พุทธศักราช 2515
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทําหน้าที่รัฐสภาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ได้รับทราบกรณีสวรรคตดังกล่าวด้วยความโทมนัสยิ่ง โดยเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนพุทธศักราช 2559 สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้มีการประชุมเพื่อรับทราบการแต่งตั้งพระรัชทายาทและประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทําหน้าที่ประธานรัฐสภา ได้นําความกราบบังคมทูลอัญเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 มาตรา 2 วรรคสอง ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 23 วรรคหนึ่ง
จึงขอประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกันว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 1 ธันวาคม พุทธศักราช 2559
พรเพชร วิชิตชลชัย
ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ทําหน้าที่ประธานรัฐสภา
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/A/102/1.PDF
จากนั้น ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า โดยที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้มีประกาศเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พุทธศักราช 2559 ว่า พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้แล้วตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467 จึงได้มีการประชุมเพื่อรับทราบ และได้กราบบังคมทูลอัญเชิญพระรัชทายาท โดยประกาศให้ทราบทั่วกันว่าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์เป็นพระมหากษัตริย์แล้ว นั้น
ทรงพระราชดําริว่าในระหว่างที่ประชาชนยังมิได้ถวายพระปรมาภิไธย เนื่องในการพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก อันจะพึงมีต่อไปตามพระราชประเพณีเป็นการสมควรที่จะเฉลิมพระปรมาภิไธยเป็นการชั่วคราว เพื่อความสะดวกในการเรียกขานพระนาม จึงมีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เฉลิมพระปรมาภิไธยว่า
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
ประกาศ ณ วันที่ 1 ธันวาคม พุทธศักราช 2559 เป็นปีที่ 1 ในรัชกาลปัจจุบัน
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี