วันที่ลุงมะขาม กำลังป่วย
ต้นมะขามรอบสนามหลวงจำนวนหนึ่งที่อยู่คู่กับสนามหลวงมาตั้งแต่สมัยร.5 กำลังป่วยสาเหตุจากการที่ประชาชนจำนวนมากทิ้งขยะ เหยียบย่ำ เทน้ำเสียใส่ต้นไม้ องค์กรที่เกี่ยวข้องจึงต้องเข้ามารักษาโดยด่วน
"ต้นมะขาม" เป็นต้นไม้ที่อยู่คู่กับสนามหลวงมาเป็นเวลานาน โดยเริ่มปลูกตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระองค์ได้แนวความคิดการปลูกต้นไม้รอบสนามหลวงมาจากการที่เสด็จประพาสชวา แล้วพบเห็นสนามหลวงที่นั่นปลูกต้นไม้ดูร่มรื่น จึงนำกลับมาปรับใช้กับประเทศไทย
ส่วนสาเหตุที่ว่า ทำไมต้องเป็นต้นมะขามนั้น เพราะความเชื่อที่ว่า ต้นมะขามเป็นต้นไม้ที่มีชื่อมงคล คล้ายกับคำว่า เกรงขาม จึงโปรดฯให้มานำมาปลูกไว้ในพื้นที่ที่เป็นของพระมหากษัตริย์เพื่อสร้างความน่าเกรงขามเหมือนลำต้นที่ใหญ่ของต้นมะขามนั่นเอง
แต่ปัจจุบันต้นมะขามรอบสนามหลวงกว่า 800 ต้น กำลัง "ป่วย" สาเหตุจากมีประชาชนจำนวนมากมาใช้พื้นที่สนามหลวงในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพื่อสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
"ต้นมะขามที่สำคัญเพราะเป็นสัญลักษณ์ของสนามหลวง" สันติ โอภาสปกรณ์กิจ ผู้ประสานงานอาสาสมัคร Volunter For Dad ผู้เข้ามาดูแลต้นมะขามรอบสนามหลวง แสดงความเห็นถึงต้นมะขามที่ปลูกมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5
ก่อนจะเผยถึงสาเหตุในอาการป่วยของต้นมะขามว่า เกิดจากมีการเหยียบย่ำตรงโคนต้น มีการเทน้ำจากการประกอบอาหารใส่ต้นมะขามและไขมันจากน้ำเหล่านั้นจะทำให้รากต้นไม้ทำงานไม่ได้ มีการทิ้งเศษขยะไว้ที่โคนต้น ประกอบกับในช่วงหน้าฝนที่ผ่านมา มีน้ำขังก็ทำให้รากเน่า จนอาการออกชัด เช่น ใบเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลือง ซึ่งเกิดมาจากการดูดอาหารของรากและการสังเคราะห์แสงทำได้ไม่เต็มที่
"ตอนนี้ได้ขอความร่วมมือประสานงานไปยังกทม.แล้วเพื่อทำการรักษาต้นมะขามให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม โดยได้ออก 3 มาตรการมาช่วยต้นมะขามที่ป่วยเหล่านี้ ได้แก่ 1.ขอความร่วมมือจากโรงครัวต่างๆ ไม่ให้เอาน้ำที่เหลือจากการประกอบอาหารเทราดไปที่โคนต้นมะขาม 2.ได้มีการวางอิฐบล็อควางลงไปที่โคนต้นมะขามเพื่อป้องกันไม่ให้คนเหยียบและทำให้ต้นไม้มีอากาศหายใจ 3. ทางกทม.ได้นำท่อเจาะรูเพื่อที่จะสามารถดูดน้ำที่ขังออกจากรากต้นมะขามได้" ซึ่งทั้ง 3 มาตรการนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว เขาบอกว่า ต้นมะขามมีอาการดีขึ้นตามลำดับ พื้นที่ตรงนี้เป็นหน้าที่ที่ทุกคนจะต้องรับผิดชอบร่วมกัน ไม่ใช่แค่ทางกทม.เพราะต้นมะขามเป็นหัวใจของสนามหลวง
"สันติ" เล่าเพิ่มเติมว่า ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้นมะขามเหล่านี้ถูกทำร้ายจนป่วย ย้อนกลับไปเมื่อช่วงที่สนามหลวงยังเปิดให้ขายของวันเสาร์-อาทิตย์ ต้นมะขามเหล่านี้เคยถูกตอกตะปูฝังลงลำต้นมาแล้ว
"ทางเราได้เคยมีกิจกรรมถอนตะปูออกจากต้นมะขามสนามหลวง เราเก็บตะปูได้เกิน 1 พันดอก และยังเหลืออีกจำนวนมากที่คาต้นอยู่ หลายๆ ตัวถูกตอกมาตั้งแต่ตอนที่สนามหลวงยังเปิดให้ขายของวันเสาร์-อาทติย์ บางต้นกว่าจะถอนตะปูได้ค้อนหักไปหลายอัน เพราะตะปูดอกใหญ่มาก และจะส่งผลให้เนื้อไม้ตาย ซึ่งต้นไม้เหล่านี้แก่มากแล้ว ก็เหมือนคนแก่กว่าจะฟื้นตัวกลับมาแข็งแรงก็ต้องออกแรงมากเป็นพิเศษ "
ส่วนนางวัลยา วัฒนรัตน์ รองผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กทม. บอกถึงการระดมจิตอาสามาร่วมแรงช่วยต้นมะขามในครั้งนี้ว่า ก่อนที่จิตอาสาทุกคนจะลงพื้นที่ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลต้นมะขาม และประวัติของต้นมะขามรอบสนามหลวงว่า ต้นมะขามมีความสำคัญอย่างไร
"สนามหลวงเป็นที่ประกอบพิธีสำคัญๆ ของประเทศมากมาย ต้นมะขามจึงต้องอยู่คู่กับสนามหลวงตลอดเวลา"
ทั้งนี้ เหล่าจิตอาสาที่มาจะมีหน้าที่ช่วยกันกำจัดเศษขยะจากโคนต้นมะขาม และะดูดน้ำออกจากโคนรากโดยผ่านท่อพีวีซีที่ปักลงไปในดิน
"ผู้ว่าฯกทม.ได้มอบหมายให้มีการดูแลต้นมะขามคอยเฝ้าสังเกตุและคอยดูเรื่องของน้ำ ซึ่งตอนนี้มีเครื่องสูบน้ำที่ขังบริเวณราก เนื่องจากโดยธรรมชาติของต้นมะขามเป็นพืชที่ไม่ต้องการน้ำมาก"รองผอ.สำนักสิ่งแวดล้อม กทม. อธิบายขั้นตอน พร้อมฝากไปถึงประชาชนที่มาบริเวณท้องสนามหลวงว่า "อย่าทิ้งสิ่งต่างๆลงบนพื้น ไม่ว่าจะเป็นโคนต้นมะขามหรือพื้นสนามหลวง หากจะทิ้งให้ทิ้งลงถังขยะ ถ้าทำแบบนี้ก็จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ไปได้
ส่วนหนึ่งของจิตอาสาในการช่วยต้นมะขามป่วยครั้งนี้ คือ เหล่านักศึกษาวิชาทหาร "ธนดล สระแก้ว" บอกว่า รู้สึกดีและเต็มใจที่จะมาช่วยงานครั้งนี้ เพราะคิดว่าเหมือนเป็นการช่วยเหลือผู้อื่น และได้รู้ว่า การทิ้งขยะเป็นเรื่องใหญ่ ทำให้รู้ว่า เวลาคนเยอะๆ จะเกิดความวุ่นวาย โดยเฉพาะการทิ้งขยะไม่เป็นที่
"อยากฝากให้ทิ้งขยะให้เป็นที่ ช่วยกันแยกขยะ เพราะหากทิ้งลงพื้นก็จะไปทำให้ท่อตัน"
ขณะที่ "นนทพัทธ์ เขียวรัตน์" อีกหนึ่งจิตอาสาที่มาเป็นเพื่อนกัน เสริมว่า "อยากให้ทุกคนที่มาสนามหลวงช่วยๆกัน เพราะสนามหลวงเป็นที่ของทุกคน อยากให้อนุรักษ์ถือแม้จะเป็นเพียงต้นมะขาม แต่ต้นมะขามที่สนามหลวงก็เปรียบเสมือนสัญลักษณ์หนึ่งของพื้นที่แห่งนี้ไปแล้ว"
ประชาชนทุกคนที่มุ่งหน้าสู่สนามหลวงต่างไปด้วยใจศรัทธาและความรักอันเปี่ยมล้น แต่อาจหลงลืม หรือคิดว่าแค่เศษขยะชิ้นเดียวคงไม่เป็นอะไร เหยียบต้นไม้สักนิดคงไม่เป็นอะไร เทน้ำประกอบอาหารใส่ช่วยรดน้ำต้นไม้คงไม่เป็นไร แต่หากทุกคนที่ไปสนามหลวงคิดเช่นนี้ "ต้นมะขาม" ที่อยู่คู่กับสนามหลวงมาหลายร้อยปีคงป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆ และยืนต้นตายในที่สุด...