ฟังความรู้สึก"ทหาร"ปม 4 ศพปัตตานี สั่งย้าย 2 กองร้อยพ้นพื้นที่-ตั้งกรรมการสอบ
นายกฯสั่งกองทัพบกสอบปมยิง 4 ศพที่ปัตตานี ผบ.ทบ.รับลูกทันที กำชับทัพ 4 ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมย้าย 2 กองร้อยทหารพรานพ้นพื้นที่ เจ้าตัวเชื่อสาเหตุการยิงอาจเป็นความเข้าใจผิดกัน วอนขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่บ้าง เพราะฝ่ายคนร้ายไม่ได้ใช้มีดอีโต้ ทหารจึงต้องป้องกันตัว ด้าน “ยุทธศักดิ์” กลับลำบอกคนตายไม่ใช่คนร้าย ลั่นถ้าทหารผิดต้องชดใช้ เยียวยา ขอโทษ แต่ยังเชื่ออาจมีกลุ่มป่วนใต้โดดขึ้นกระบะ ขณะที่แม่ทัพภาค 4 แถลงพร้อมรับผิดชอบ สถานการณ์ในพื้นที่ป่วนหนัก มอเตอร์ไซค์บอมบ์ชุด รปภ.ครู เจ็บระนาว
เหตุการณ์คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้เครื่องยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม 79 ยิงถล่มฐานปฏิบัติการทหารพรานที่ 4302 ตั้งอยู่หมู่ 3 บ้านน้ำดำ ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อค่ำวันอาทิตย์ที่ 29 ม.ค.2555 จากนั้นกองกำลังทหารพรานได้ออกติดตามจับกุมคนร้าย กระทั่งพบรถกระบะต้องสงสัย และมีการสาดกระสุนใส่จนคนนั่งมาในรถเสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บอีก 4 ราย ซึ่งช่วงแรกฝ่ายทหารยืนยันว่าเป็นคนร้าย แต่ต่อมาทราบว่าเป็นชาวบ้านที่กำลังเดินทางไปละหมาดศพยังหมู่บ้านใกล้เคียงนั้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ยังคงเป็นที่สนใจของทุกฝ่าย และตลอดทั้งวันของวันอังคารที่ 31 ม.ค.ก็มีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งนายทหารระดับสูงหลายนายออกมาให้ความเห็น โดยมีท่าทีอ่อนลงจากวันแรกหลังทราบรายละเอียดของเหตุการณ์เพิ่มมากขึ้น
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สั่งการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ไปตรวจสอบในรายละเอียด ซึ่งเบื้องต้นเราต้องดูแลประชาชน หากเป็นภาคประชาชนจริงๆ เราก็พร้อมที่จะดูแลเต็มที่ เรื่องนี้ต้องให้ความยุติธรรมทั้ง 2 ฝ่าย อย่างไรก็ตาม ขอเวลาให้ทางกองทัพไปตรวจสอบสืบสวนข้อมูลทั้งหมดเสียก่อน
"บิ๊กอ๊อด"กลับลำ-ยอมรับ 4 ศพไม่ใช่คนร้าย
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ขณะนี้กำลังตรวจสอบทั้งเรื่องกฎหมายและข้อเท็จจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปตามระเบียบการใช้กำลังของทหารหรือไม่ แต่ก็ต้องตรวจสอบสถานการณ์เฉพาะหน้าในวันดังกล่าวด้วย เพราะการติดตามผู้ต้องสงสัย ทางทหารเองก็ต้องระวังตัว ไม่ใช่ทะเล่อทะล่าเข้าไปในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ไม่เช่นนั้นทหารก็ต้องกลายเป็นศพ
สำหรับญาติพี่น้องก็ต้องเสียใจเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกำลังให้แม่ทัพภาคที่ 4 และทางจังหวัดตรวจสอบสถานการณ์ว่าการปฏิบัติของทหารพรานต่อเป้าหมายอยู่ในระเบียบการใช้กำลังของทหารหรือไม่ เพื่อจะได้ทราบข้อเท็จจริงและพิจารณาได้ว่าใครผิดใครถูก
"หากทางราชการผิดก็ว่าไปตามข้อเท็จจริง แต่ถ้าทางราชการมีส่วนถูกด้วยก็จะต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ ฉะนั้นในวันนี้คงจะได้ข้อคิดในทางที่ถูกต้องมากขึ้น เพราะเราไม่เชื่อว่าเราจะกระทำถูกทั้งหมด เนื่องจากเราได้ตรวจสอบทั้ง 4 ศพแล้วก็ไม่ได้เป็นแนวร่วมก่อความไม่สงบอยู่ในขณะนี้ และจะต้องตรวจสอบในรายละเอียดต่อไป" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
สงสัยมีกลุ่มป่วนใต้โดดขึ้นกระบะ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า คงไม่ เพราะคิดว่าหากได้ตรวจสอบแล้วทางเจ้าหน้าที่ผิดก็ต้องยอมรับผิด ยอมชดใช้ ยอมทุกอย่าง และต้องขอโทษด้วย
"9 คนที่อยู่บนรถกระบะ มีผู้เห็นคนหนึ่งบนรถมอเตอร์ไซค์กระโดดขึ้นรถกระบะด้วย ซึ่งบุคคลดังกล่าวอาจจะใช้คนบริสุทธิ์ทั้ง 8 คนเป็นฉากกำบังในการป้องกันตัวก็ได้ ซึ่งกำลังสอบสวนอยู่"
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า บนรถกระบะมีแนวร่วมก่อความไม่สงบด้วยใช่หรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตั้งข้อสงสัยและกำลังติดตามอยู่ เพราะมีรายงานว่ามี 1 คนที่วิ่งจากรถมอเตอร์ไซค์มาขึ้นรถกระบะ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการตรวจสอบคงใช้เวลาไม่นาน เพราะต้องรีบดำเนินการเพื่อให้ประชาชนเห็นข้อเท็จจริง
"แต่เมื่อมีการร้องเรียนขึ้นมาก็ต้องให้ความยุติธรรมทุกฝ่าย ไม่ใช่เข้าข้างทหารอย่างเดียว ต้องให้กับยุติธรรมกับประชาชนด้วย เพื่อไม่ให้เกิดเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว และป้องกันไม่ให้เป็นเหตุลุกลาม เพราะในพื้นที่มีไทยพุทธรวมอยู่ด้วย"
เมื่อซักอีกว่า อาวุธที่พบในรถกระบะเป็นของหน่วยงานใด พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เป็นปืนอาก้าและปืนพกขนาด 11 มม.ทางชาวบ้านระบุว่าอาจเป็นปืนที่ถูกนำมาทิ้งไว้ในรถ แต่ทางทหารปฏิเสธว่าไม่ได้ทิ้งปืนอาก้าไว้ในรถกระบะ แต่ที่บอกว่ามีการพกพาอาวุธเพื่อป้องกันตัวน่าจะเป็นปืนพกมากกว่า คงไม่ใช่อาก้า
ผบ.ทบ.สั่งตั้งกรรมการสอบ-ชี้ถ้าทหารผิดต้องลงโทษ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.กล่าวว่า ได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 4 สอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ โดยต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชน สำหรับสถานที่เกิดขึ้นเหตุเท่าที่ตรวจสอบดูก็อาจเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นได้ เพราะเป็นช่วงกลางคืน และก่อนจะมีการปะทะ ได้มีการยิงกระสุนทั้งเอ็ม 79 และปืนเอ็ม 16 เข้าไปในฐานทหารพราน หลังจากนั้นก็ได้มีการปฏิบัติตามแผนยุทธการว่า เมื่อไรที่มีการปฏิบัติต่อที่หมาย กำลังในพื้นที่ต้องตอบโต้และจับกุมผู้กระทำผิดให้ได้ เจ้าหน้าที่จึงจัดกำลังไล่ล่าติดตาม มีการตั้งจุดสกัด
"ระหว่างที่ตั้งจุดสกัดก็ไปเจอรถคันหนึ่งวิ่งมาโดยมีอาการพิรุธ แต่จะด้วยความตกใจหรืออะไรก็ไม่ทราบ แต่ประเด็นคือมีการใช้อาวุธต่อกัน ดังนั้นต้องไปตรวจสอบว่ามีการยิงโต้ตอบกันหรือไม่ หากคนดังกล่าวเป็นผู้บริสุทธิ์ อาจไม่เข้าใจคำสั่งหรือคำถามที่มีการสั่งให้หยุด จึงอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ ก็ต้องให้ความเป็นธรรม แต่ตอนนี้ยังยืนยันไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ถ้าเกิดความเข้าใจผิดต้องมีการชดใช้และเยียวยา รวมถึงต้องลงโทษ"
วอนเห็นใจเจ้าหน้าที่ทำงานเสี่ยงตาย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการสอบสวน แต่จะผิดหรือไม่ผิดก็ต้องมีการเยียวยาและทำความเข้าใจกับประชาชน เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นเจ้าหน้าที่ต้องรับผิดชอบ แต่ต้องให้เครดิตทหาร เพราะทุกคนทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายตลอดเวลา แต่ถ้าพบว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุก็ต้องมีการชดใช้ เยียวยา โยกย้าย หรือลงโทษผู้กระทำผิดตามขั้นตอน
"ขอความเห็นใจให้เจ้าหน้าที่ด้วย เพราะคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนเสียสละ ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมามีเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ฝ่ายตรงข้ามพยายามเปลี่ยนยุทธวิธีโดยปฏิบัติต่อเจ้าหน้าที่มากขึ้น เขาพยายามทำทุกอย่างให้เกิดผลกระทบโดยรวม เพื่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน"
สั่งย้ายทหารพราน 2 กองร้อยพ้นพื้นที่
ผบ.ทบ.กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุได้มีการนำกำลังพลที่ถูกกล่าวหาออกนอกพื้นที่แล้ว เพื่อให้มีการสืบหาข้อเท็จจริง และเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการสอบสวน
"ตอนนี้ผมยังไม่บอกว่าใครผิดใครถูก กำลังพลที่ทำงานในภาคใต้มี 3-4 หมื่นนาย หากใครผิดต้องว่าไปตามผิด ซึ่งเรามีทั้งมาตรการลงโทษ ชดเชย อย่าเอาทุกอย่างมาโยงกัน เพราะจะทำให้การแก้ไขปัญหามีความซับซ้อนมากขึ้น ผู้ก่อความไม่สงบต้องการสร้างความหวาดกลัว โดยเฉพาะการใช้ความรุนแรงกับผู้บริสุทธ์หลายครั้ง เพราะเป็นเป้าหมายที่อ่อนแอ เพื่อไม่ให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ และต้องการให้ประชาชนกับเจ้าหน้าที่บาดหมางกันมากที่สุด ดังนั้นต้องช่วยกัน การจะใช้ความรุนแรงกับผู้บริสุทธิ์คงเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าจะเกิดขึ้นคงเกิดจากความเข้าใจผิด"
ชี้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ใช้อีโต้-ทหารต้องป้องกันตัว
พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำด้วยว่า จะไม่มีการประกาศเคอร์ฟิวหรือเพิ่มมาตรการตามกฎหมายพิเศษ แต่จะใช้กฎหมายปกติให้มากที่สุด และเน้นงานด้านการข่าวเพื่อแก้ไขสถานการณ์ทั้งหมด จึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกัน อย่าไปตกหลุมพราง
"ถ้าฝ่ายโน้นใช้มีดหรืออีโต้ผมไม่ว่าหรอก แต่เขาใช้อาวุธยิงเจ้าหน้าที่ตายเหมือนกัน ดังนั้นเจ้าหน้าที่ก็ต้องระวังตัวและต้องป้องกันตัว ทางที่ดีต้องเข้าใจทั้งสองฝ่าย ทำอย่างไรจึงจะให้เกิดความร่วมมือกันให้ได้ ถ้าทุกคนยังต้องการความปลอดภัย แต่ไม่ต้องการระเบียบ และไม่ต้องการทหาร อยากให้ตอบว่าจะได้หรือไม่ อย่างกรุงเทพฯจะไม่มีตำรวจได้หรือไม่ ถ้าได้จะได้ให้ทหารกลับ อย่าเอาทุกเรื่องมาเป็นประเด็น ผมชี้แจงด้วยเหตุด้วยผล ไม่เข้าข้างผู้ใต้บังคับบัญชา ผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่ได้ปกป้อง อยากให้เจ้าหน้าระมัดระวังในการใช้อาวุธ เพราะทุกครั้งไม่อยากให้เกิดเหตุขึ้น"
"ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลปรับแนวทางการแก้ไขปัญหามาโดยตลอด ซึ่งไม่มีวิธีการอย่างอื่น นอกจากยอมแพ้เขา หรือจะยอมแพ้เขา ฉะนั้นต้องสู้กันด้วยแนวความคิด ความเข้าใจ และการพัฒนา วันหนึ่งทหารทำงานตั้งแต่เช้ากว่า 3 พันภารกิจ ทหารทุกคน ทุกพื้นที่ ทุกอำเภอ ทุกหมู่บ้านตื่นตั้งแต่ตี 4 ตี 5 ออกไปป้องกันชาวบ้าน ลาดตะเวนดูแลพระ ครู แต่เมื่อเขาใช้อาวุธต่อฝ่ายเรา เราก็จำเป็นต้องตอบโต้ แต่บางครั้งอาจเกิดความเข้าใจผิด เพราะมีการใช้อาวุธจำนวนมากในพื้นที่ ซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นผู้เริ่มใช้อาวุธทุกครั้ง ไม่ได้บอกว่าผมปัดความรับผิดชอบ ไม่ว่าเจ้าหน้าที่หรือประชาชนบาดเจ็บล้มตายถือเป็นประชาชนด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นจะทำอย่างไรไม่ให้ขัดแย้งกัน และดูแลว่าแก้ไขปัญหาอย่างไรภายใต้กฎหมายที่มีอยู่" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
แม่ทัพภาค 4 แถลงพร้อมรับผิดชอบ
ที่ห้องรับรองชั้น 2 อาคารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ผอ.รมน.ภาค 4) แถลงว่า การปฏิบัติของทหารพรานนั้น ได้ปฏิบัตตามแผนเผชิญเหตุ เมื่อมีการยิงถล่มฐาน ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตอบโต้ทางยุทธวิธี ฉะนั้นเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นจนเกิดความสูญเสีย เขาในฐานะผู้บังคับบัญชาก็ต้องรับผิดชอบ ทั้งเรื่องชีวิตและทรัพย์สินของผู้ที่ได้รับผลกระทบ
"สิ่งที่ทหารพรานปฏิบัติจะถูกหรือเกินเลยไป ผมในฐานะผู้รับผิดชอบสูงสุดก็ต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะนี้เรื่องทั้งหมดอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงทางนิติวิทยาศาสตร์และกระบวนการสืบสวนสอบสวนข้อมูลเชิงลึก ผมขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนว่า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมายอย่างเคร่งครัดเสมอมา และผมขอยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย"
แฉฝ่ายตรงข้ามมีกลยุทธ์สร้างความแตกแยก
พล.ท.อุดมชัย กล่าวต่อว่า ฝ่ายตรงข้ามต้องการสร้างความแตกแยกระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับพี่น้องประชาชนเสมอมา ไม่อย่างนั้นความสงบสุขและสันติในพื้นที่น่าจะเกิดตั้งนานแล้ว แต่ฝ่ายตรงข้ามมีกลยุทธ์สร้างความแตกแยก
"ผมขอยืนยันว่าทหารพรานนั้น อยู่ดีๆ คงไม่ไปเข่นฆ่าหรือไปยิงใครจนเสียชีวิตถ้าไม่ถูกกระทำก่อน ไม่มีเหตุผลทั้งทางด้านหลักกฎหมายและด้านมนุษยธรรมที่จะไปยิงหรือทำร้ายพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่มีกลยุทธ์หนึ่งกลยุทธ์ใดที่ฝ่ายตรงข้ามพยายามสร้างความแตกแยก ซึ่งผมพยายามสร้างความกระจ่าง และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนเรื่องการเยียวยานั้น ผมจะดูแลตามหลักเกณฑ์และกระบวนการอย่างดีที่สุด" แม่ทัพภาคที่ 4 ระบุ
รองเสธ ทภ.4 อัดสื่ออคติเสนอข่าวให้ร้ายทหาร
พ.อ.ดำรงค์ บ่อสุวรรณ รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 (รองเสธ.ทภ.4) กล่าวว่า รู้สึกไม่ดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะทำให้ทหารตกเป็นจำเลย ขอยืนยันว่าทหารไม่ไปยิงใครก่อนอย่างแน่นอน แต่หากมีการยิงใส่ทหาร ทหารก็จำเป็นต้องตอบโต้
"คำถามมากมายจึงเกิดขึ้น เราพบอาวุธ ถามว่ามีอาวุธไว้ทำอะไร แล้วหลบหนีทำไม ภาพที่ออกมาเสมือนว่าทหารไปยิงชาวบ้าน สื่อก็เช่นเดียวกัน เวลาที่ชาวไทยมุสลิมถูกโจรยิงเหตุใดจึงไม่ไปถามคนที่สูญเสียที่เขาถูกโจรยิง ถูกโจรทำร้าย แต่บางครั้งกลับไปถามเมียของโจร แล้วก็บอกว่าสามีตัวเองเป็นคนดีอย่างนั้นอย่างนี้ เหตุการณ์หลายเหตุการณ์เป็นจุดสะท้อนให้เห็น เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นสื่อก็ออกไปแล้วว่าทหารยิงโดยที่ไม่ได้ดูเลยว่าก่อนจะยิงกันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง" พ.อ.ดำรงค์ ระบุ
ตรวจรถชาวบ้านพบถูกยิงจากมุมสูง
สำหรับความคืบหน้าทางคดี พ.ต.อ.พล วิทยานนท์ รองผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐาน 10 และ พ.ต.อ.สาทิตย์ ก้อนแก้ว ผู้ชำนาญการตรวจเครื่องกระสุนปืนและวิถีกระสุน ได้นำกำลังพร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ไปตรวจรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน 3105 ปัตตานี ซึ่งเป็นของชาวบ้านที่ถูกทหารพรานยิง
ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบเบื้้องต้นพบว่า วิถีกระสุนเป็นการยิงจากมุมสูงลงมาที่ต่ำ และกระสุนที่ยิงมาจากอาวุธปืนเอ็ม 16 และอาก้า จึงได้รวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินการขั้นต่อไป
ส่วนบรรยากาศที่กองร้อยทหารพรานที่ 4302 และ 4306 ซึ่งประจำการอยู่ในพื้นที่บ้านน้ำดำ ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก นั้น ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ทหารได้ทะยอยเก็บข้าวของ หลังมีคำสั่งให้ทหารทั้ง 2 กองร้อยย้ายออกจากพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อลดปัญหาความขัดแย้ง โดยให้ย้ายเข้าไปประจำอยู่ในค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก เพื่อรอการสอบสวนข้อเท็จจริง นอกจากนั้นยังมีคำสั่งให้หน่วยทหารสื่อสารที่ 15 กองร้อย 2206 จาก จ.นครราชสีมา เข้าประจำการแทน
ใต้ป่วนยิงถล่มบ้านไทยพุทธ-ฐานตำรวจ
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงหลังจากเกิดเหตุการณ์ยิง 4 ศพในท้องที่ อ.หนองจิก โดยเมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ที่ 30 ม.ค.2555 คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนอาก้ายิงถล่มบ้านของชาวบ้านไทยพุทธ จำนวน 3 หลัง ในท้องที่ ต.ตุยง อ.หนองจิก แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน คนร้ายยังใช้เครื่องยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม 79 ยิงถล่มฐานปฏิบัติการของหน่วยปฏิบัติการพิเศษฉลามทอง 07 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ที่หมู่ 2 บ้านท่าด่าน ต.ดอนรัก อ.หนองจิก แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
ต่อมาช่วงเช้าวันอังคารที่ 31 ม.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองจิก รับแจ้งเหตุปืนลั่น ทำให้มีทหารพรานเสียชีวิต 1 นาย ที่บริเวณหน้าบ้านพักกองร้อยทหารพรานที่ 4306 หมู่ 3 บ้านน้ำดำ ต.ปุโละปุโย จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ และพบศพ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) ชำนาญ สว่างรัตน์ อายุ 25 ปี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนอาก้าที่บริเวณหน้าอก
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ อส.ทพ.กีรติ บุญเครือ อายุ 25 ปี ทหารสังกัดเดียวกัน กำลังทำความสะอาดปืนอาก้าบริเวณหน้าที่พักภายในฐาน และได้ทำปืนลั่น เป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่ผู้ตายเดินผ่านมาพอดี ทำให้กระสุนปืนถูก อส.ทพ.ชำนาญ เสียชีวิต
จ่อยิงอส.ดับ 1 - จยย.บอมบ์เจ็บ 5
วันเดียวกัน ที่ จ.นราธิวาส คนร้ายใช้อาวุธปืนพกสั้นยิง นายบือราเฮง มาหะ อายุ 58 ปี อาสารักษาดินแดน (อส.) จ.นราธิวาส เสียชีวิตขณะยืนอยู่หน้าบ้าน ในท้องที่บ้านคลอแระ หมู่ 3 ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส โดยหลังก่อเหตุ คนร้ายได้ขโมยปืนพกและปืนลูกซอง 5 นัดของนายบือราเฮงก่อนจะหลบหนีไป
ที่ จ.ยะลา คนร้ายลอบวางระเบิดมอเตอร์ไซค์บอมบ์ดักสังหารทหารชุดรักษาความปลอดภัยครู (รปภ.ครู) บริเวณปากทางเข้าองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ลิดล ถนนสายบ้านเนียง-ลำใหม่ ท้องที่บ้านบุรินทร์ หมู่ 2 ต.ลิดล อ.เมืองยะลา แรงระเบิดทำให้กำลังพลที่กำลังเดินทางกลับหลังเสร็จภารกิจ รปภ.ครู โดยมีรถจี๊ปทหารเป็นพาหนะ ได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ประกอบด้วย พลทหารภิรมย์ แสงเพชร ส.อ.สมพิศ ศากประดิษฐ์ จ.ส.อ.นอม แก้วดวงใจ พลทหารจีรศักดิ์ ชูราช ทั้งหมดสังกัดหน่วยเฉพาะกิจยะลา 11 และยังมี นายอุสมาน สะสาแม ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.ลิดล ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยด้วย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าทั้งสองเหตุการณ์เป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ช่วงก่อนเที่ยงวันเดียวกัน ตำรวจ สภ.ธารโต จ.ยะลา ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบวัตถุต้องสงสัยริมทางหลวงหมายเลข 3006 ท้องที่บ้านไอลาบู บ้านย่อยของบ้านกระป๋อง หมู่ 3 ต.แม่หวาด อ.ธารโต จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบวัตถุดังกล่าวเป็นกล่องเหล็ก พันด้วยเทปพันสายไฟสีดำ ผูกติดกับเสาไฟฟ้า เลขที่ 1516 สูงจากพื้นประมาณ 1.5 เมตร เจ้าหน้าที่จึงสั่งปิดกั้นพื้นที่ และประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าทำการเก็บกู้เอาไว้ได้สำเร็จ โดยใช้ปืนน้ำแรงดันสูงยิงทำลาย พบเป็นระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในกล่องเหล็ก น้ำหนักประมาณ 7 กิโลกรัม จุดชนวนโดยการตั้งเวลาด้วยนาฬิกาดิจิตอล เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบเช่นกัน
ยิงรายวันยังเพียบ อส.บาเจาะดับอีก
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 ม.ค. เวลา 11.30 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดยิง นายแวมะ วาจิ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/2 บ้านคลองหงส์ หมู่ 3 ต.ตะมะยูง อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เสียชีวิตคาที่ขณะจอดรถจักรยานยนต์เติมน้ำมันที่ร้านขายน้ำมันภายในหมู่บ้านลูโบ๊ะบาตู หมู่ 4 ต.ตะมะยูง เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
วันเสาร์ที่ 28 ม.ค. เวลา 20.15 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิง นายหมู่ใหญ่อาแซ คาเดร์ อายุ 48 ปี อาสารักษาดินแดน (อส.) อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส อยู่บ้านเลขที่ 53/4 หมู่ 2 ต.กาเยาะมาตี อ.บาเจาะ เสียชีวิตบริเวณหน้าบาราเซาะบ้านยะลูตงดูวอ หมู่ 6 ต.กาเยาะมาตี เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถกระบะ 4 ประตูสีบรอนซ์เงินเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิง นายเจริญ แก้วใจเย็น อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 117 หมู่ 8 ต.ลำไพล อ.เทพา จ.สงขลา ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 ช่วงโคกโพธิ์-ลำไพล เขตรอยต่อ อ.เทพา กับ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายเจริญนั่งรถไปกับ นายเฉลิม สันสีเมือง อายุ 61 ปี นายกเทศบาลตำบลลำไพล อ.เทพา โดยขับขี่รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีดำ หมายเลขทะเบียน กน 294 สงขลา จากวัดกาโผะ ต.โคกโพธิ์ อ.โคกโพธิ์ มุ่งหน้ากลับบ้านที่ อ.เทพา แต่ระหว่างทางถูกคนร้ายขับรถกระบะตามประกบ และใช้อาวุธปืนยิงใส่ จนนายเจริญได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง แต่ให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งการเมืองท้องถิ่น
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 (ซ้ายไปขวา) พล.อ.ยุทธศักดิ์, พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.ท.อุดมชัย (ภาพบางส่วนจากอินเทอร์เน็ต และรวมภาพโดย ฝ่ายศิลป์ ทีมข่าวอิศรา)
2 พล.ท.อุดมชัย ขณะเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
3 มอเตอร์ไซค์บอมบ์ที่ ต.ลิดล อ.เมืองยะลา (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)
ขอบคุณ : ข่าว พล.อ.ยุทธศักดิ์ พล.อ.ประยุทธ์ และ พ.อ.ดำรงค์ จากสำนักข่าวเนชั่น