บทเรียนเสื้อเหลืองเสื้อแดง 2 : ใครเป็น “ไพร่” ใครเป็น “อำมาตย์”
ความรู้สึกอาภัพ ต่ำต้อย หากแปลงเป็นความรู้สึกน้อยใจ โกรธ เกลียด แค้น คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว เป็นความรู้สึกที่อาจสร้าง “พลังแห่งทางมืด” ได้
แต่ซาตานไม่ได้สร้างอะไร ไม่ได้ให้อะไร เพียงถามว่า “ที่พระเจ้าทรงประทานให้นั้น เพียงพอแล้วหรือ ?”
นั่น...ก็พอที่จะครองใจอาดัม กับเอวาได้ ทำให้ละทิ้งพระองค์ และหลงไปทางของซาตานได้
แต่แล้ว แทนที่มนุษย์จะรู้สึกว่าขอบคุณพระเจ้า และมีชีวิตที่เป็นสุขได้ทุกสถานการณ์ เพราะสิ่งต่างๆที่พระองค์ทรงสร้างและทรงประทานให้นั้น “ดีนัก” เมื่อมนุษย์เลือกที่จะละทิ้งพระเจ้า มนุษย์ก็กลับตกอยู่ในความทุกข์ โศกเศร้า สับสน ไม่รู้ว่าชีวิตเกิดมาเพื่ออะไร อยู่ไปเพื่ออะไร มีสมบัติเท่าไรจึงมีความสุขแท้ หลังชีวิตนี้แล้วจะเป็นอย่างไร
เมื่อแรกเริ่มก่อนที่พระเยซูคริสต์ จะได้เสด็จสอนประชาชนในดินแดนต่างๆ พระองค์ทรงต้องเผชิญกับการทดลอง โดย ครั้งหนึ่ง พระองค์ได้ทรงอดพระกระยาหารสี่สิบวันสี่สิบคืน ภายหลังพระองค์ก็ทรงอยากพระกระยาหารส่วนผู้ผจญมาหาพระองค์ทูลว่า “ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงสั่งก้อนหินเหล่านี้ให้กลายเป็นพระกระยาหาร”ฝ่ายพระองค์ตรัสตอบว่า “มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ‘มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้ แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า’ ”
มีนัยที่สำคัญว่า ยามที่คนยากจนอดอยากนั้น ก็มักจะเป็นเวลาที่ง่ายต่อการล่อลวงให้หลงไปทางบาป
แต่พระเยซูได้ตรัสตอบว่า “ชีวิตมิใช่เป็นเรื่องเพียงปากท้อง แต่ด้วยพระวจนะทุกคำเท่านั้น” แม้จะอยู่ในยามยากลำบาก พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ทรงรักษาความชอบธรรมของพระเจ้าอย่างมั่นคง
มีข้อน่าคิดอยู่ว่า “เราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนๆหนึ่งเป็นคนดี”...จะรู้ได้ก็เฉพาะเมื่อเขามีโอกาสที่จะทำบาป แล้วเขาทำบาปหรือไม่ ? เมื่อเขาอึดอัดลำบาก แล้วเขายังรักษาความชอบธรรมหรือไม่ ?
สังคมจะเป็นสุข จึงควรให้ประชาชนมีทัศนคติที่ดี มองโลกในแง่ดี มีความคิดมีชีวิตที่เป็นสุข
จิตใจที่มีคุณธรรม ไม่ใช่จิตใจที่คิดแต่น้อยใจ อาภัพ โกรธ แค้น แบ่งพรรคแบ่งพวก และอาจยอมทำความผิดบาป เพียงเพื่อตอบสนองความโกรธแค้น
ผู้นำที่มีคุณธรรม จึงควรที่จะรักประชาชนพอที่จะจริงใจ ไม่อยากให้ประชาชนคิดแต่เรื่องเศร้า น้อยใจ จมอยู่แต่ในความทุกข์ และความแค้น
เมื่อผมได้ยินเรื่อง “อำมาตย์” กับ “ไพร่” ในสังคมไทย ผมเองก็ถึงขีดแห่งความงงงวย
ผมเกิดปีมังกร (ท่านผู้อ่าน อาจสับสนว่า ผมอายุ 24 หรือ 36 ปี ... ฮา) อายุก็ปาเข้าไป 48 ปีแล้ว ผมเกิดในครอบครัวที่ฐานะปานกลางกึ่งยากจน คุณแม่ของผมเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนอายุ 2 ขวบ ครอบครัวเกือบต้องขายคุณแม่ออกไป เพื่อนำเงินมารักษาคุณตา แต่ดีที่คุณลุงได้ร้องขอไว้ แม่ผมทำงานขายก๋วยเตี๋ยว ขายน้ำแข็ง เย็นๆก็ไปเรียนกวดวิชาเพื่อสอบเทียบ คุณพ่อก็ทำงานหนัก หิ้วของไปขายตามจังหวัดต่างๆ
พี่น้องของเราก็ได้มีโอกาสช่วยงานค้าขายที่บ้าน พี่ชายรับคำสั่งซื้อสินค้า น้องๆช่วยกันส่งของ ผลัดกันล้างจานชาม ซักผ้า เราทุกคนสอบเทียบ เพื่อช่วยพ่อแม่ประหยัดค่าเล่าเรียน
ชีวิตพ่อแม่และครอบครัวผม ได้รับพระคุณแผ่นดินไทย ภายใต้ร่มกาสวพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หากจะมีชนชั้น “ไพร่” ชีวิตครอบครัวผม ก็ถือว่าเป็น ชนชั้นไพร่มาก่อน
แต่แผ่นดินไทย เป็นแผ่นดินแห่งโอกาส ครอบครัวของเรา ไม่ถูกกดขี่ ไม่ถูกเหยียดหยาม มีโอกาสสร้างเนื้อสร้างตัว ตั้งแต่พ่อแม่ ขยันทำงาน อบรมสั่งสอนลูก ให้ใฝ่ก้าว
หน้า รักษาคุณธรรม ตั้งใจเล่าเรียน และในที่สุด แม้ท่านจะไม่ได้สะสมทรัพย์สมบัติมากมาย แต่ท่านมีลูกๆ จบวิศวฯ จุฬาฯ 3 คน แพทย์ฯ จุฬาฯ 2 คน
แม้จะใช้เวลา 30-40 ปีในการสร้างเนื้อสร้างตัว พัฒนาฐานะ แต่เมื่อครอบครัวเรารักกัน มองโลกในแง่ดี ซาบซึ้งในพระคุณแผ่นดิน เราก็มีแต่ความรัก ความสุข และมีกำลังใจที่มีให้ต่อกันเสมอ
ความแตกต่างของประชาชนชาวโลกย่อมมีอยู่เสมอ และความแตกต่างนั้น เป็นสิ่งดี ผู้ปกครองมีหน้าที่ดูแลรับใช้ช่วยเหลือปวงชน ดาราร่ำรวยมีหน้าที่แสดงเพื่อสร้างความบันเทิงเพื่อประชาชน ยอดนักกีฬาฐานะร่ำรวยมีหน้าที่ทุ่มเทเล่นเต็มที่ให้คนทุกๆฐานะได้ดู นักคิดนักประดิษฐ์อย่างบิลเกตต์ มีหน้าที่ผลิตโปรแกรมดีๆให้ชาวโลกได้ใช้ ไม่ใช่เรื่อง “ชนชั้น” ที่น่าเศร้าเสียใจแต่อย่างใด
สังคมไทยนี้ดี บัดนี้ ใครเป็นไพร่ ใครเป็นอำมาตย์ ก็เหมือนสับสนกันน่าดู คนที่เรียกตัวว่า “ไพร่” ก็อาจได้เป็นอำมาตย์ คนที่ถูกเรียกว่าเป็น “อำมาตย์” ก็มีศักดิ์ และสิทธิ์ ไม่ต่างกับคนที่เรียกตัวเองว่า “ไพร่”
หากสังคมไทย มีแต่ความรัก ความซาบซึ้งใจในพระคุณแผ่นดิน รับรู้ทั่วกันว่า ไม่มีชนชั้น “ไพร่” ไม่มี “อำมาตย์” ไม่ควรมีใครควรสร้างความแตกแยกว่ามีปัญหาชนชั้น “ไพร่-อำมาตย์” กันต่อไปให้เป็นแผลให้กับแผ่นดินแม่ สังคมก็จะมีแต่ความสุข สงบ และเจริญรุ่งเรืองยั่งยืนตลอดไปครับ
มนตรี ศรไพศาล ([email protected]; www.oknation.net/blog/richwithlove; @montrees)
