กสทช.ปูโรดแมพ "ทีวีดิจิทัล" จ่อเปิดประมูล 50 ช่อง
กสทช.กางโรดแมพ "ทีวีดิจิทัล" เปิดประมูลไลเซ่นโครงข่ายและเน็ตเวิร์คก่อนปีนี้ พร้อมดึงยูเอชเอฟปล่อยประมูล 50 ช่อง ลุยต่อต้นปีหน้าอีก 3 ไลเซ่น
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธาน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เปิดเผยว่า หลังจาก กสทช.แต่งตั้งอนุกรรมการจัดทำแผนการปรับเปลี่ยนไปสู่ระบบการส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล ซึ่งจะมีการประชุมครั้งแรกในวันที่ 16 ก.พ.นี้ พร้อมประกาศโรดแมพ การเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมวิทยุโทรทัศน์ไทยไปสู่ระบบดิจิทัล ให้สอดคล้องกับร่างแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ ในยุทธศาสตร์การเปลี่ยนไปสู่ระบบการส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล ที่กำหนดให้เริ่มต้นการรับส่งสัญญาณดิจิทัลภายใน 4 ปี
กสทช.จะทดลองระบบทีวี ดิจิทัลในปีนี้ โดยไม่ต้องรอเรียกคืนคลื่นความถี่ทีวี อนาล็อก ฟรีทีวี 6 ช่อง ที่ยังไม่สิ้นสุดสัมปทาน โดยจะนำคลื่นความถี่ทีวี อนาล็อก ยูเอชเอฟ ปัจจุบันซึ่งยังไม่มีการใช้งาน ที่ได้มีการเว้นช่องความถี่ไว้ เช่น ช่อง 2, 4, 6 และช่อง 8 มาทำเป็นทีวี ดิจิทัล ซึ่งจะเป็นการส่งสัญญาณออกอากาศ ทั้งทีวี อนาล็อก (Analog Switch Off : ASO) และระบบทีวี ดิจิทัล (Digital Switch On : DSO) ไปพร้อมกัน
“แนวทางการเปลี่ยนระบบส่งสัญญาณโทรทัศน์จากอนาล็อก เป็นดิจิทัล ในประเทศอื่นๆ จะต้องหยุดการออกอากาศระบบอนาล็อกก่อน แต่ในประเทศไทย สามารถออกอากาศได้ทั้งสองระบบพร้อมกันเพราะยังมีคลื่นความถี่ทีวี ยูเอชเอฟ ที่ไม่ได้ใช้งานเหลืออยู่ พร้อมจัดสรรเป็น ทีวี ดิจิทัล ได้ทันที” พ.อ.นที กล่าว
ทั้งนี้ แนวทางการประมูลใบอนุญาตทีวี ดิจิทัล จะแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ประกอบด้วย 1.ใบอนุญาตโครงข่าย (Infrastructure Provider) เป็นการลงทุนโครงข่ายระบบส่งสัญญาณทั่วประเทศ ซึ่งจะมีเพียง 1-2 รายเท่านั้น 2.ใบอนุญาตเครือข่าย (Network Provider) เป็นการส่งสัญญาณช่องรายการในแต่ละเครือข่ายๆ ละ 30-40 ช่อง ไปยังครัวเรือนในประเทศไทย ใบอนุญาตประเภทนี้จะมี 2-3 ราย คาดว่าใบอนุญาตทั้ง 2 ประเภท จะเปิดประมูลในปีนี้
3.ใบอนุญาตคลื่นความถี่ (Frequency) ซึ่งเปรียบเสมือน ผู้ได้รับใบอนุญาต MVNO ในกิจการโทรคมนาคม 4.ใบอนุญาตช่องรายการ (Channel Content) โดยใบอนุญาตคลื่นความถี่ และช่องรายการ ผู้ประกอบการจะต้องประมูลทั้ง 2 ประเภทนี้พร้อมกัน เนื่องจาก พ.ร.บ.การประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ ปี 2551 กำหนดให้เจ้าของคลื่นความถี่จะต้องเป็นผู้ผลิตรายการเอง และ 5.ใบอนุญาตบริการบนโครงข่าย (Application) การให้บริการรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟ ประเภทต่างๆ คาดว่าการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่และช่องรายการจะเริ่มในต้นปี 2556 พร้อมทั้งจะเริ่มประมูลวิทยุดิจิทัล ในปีหน้าด้วยเช่นกัน
พ.อ.นที กล่าวอีกว่า คลื่นความถี่ ทีวี อนาล็อก 1 คลื่น ใช้ความถี่ประมาณ 8 เมกะเฮิรตซ์ สามารถจัดทำเป็นช่องทีวี ดิจิทัล ได้ประมาณ 5-20 ช่อง แบ่งเป็น ช่อง HD 4-5 ช่อง และช่องทีวี ดิจิทัล สแตนดาร์ด (ภาคพื้นดิน) 15-20 ช่อง ทั้งนี้ การประมูลใบอนุญาตล็อตแรกของทีวี ดิจิทัล จากคลื่นความถี่ทีวี อนาล็อกเดิมที่ยังไม่มีการใช้งาน คาดว่าจะมีจำนวน 50 ช่อง หลังจากสิ้นอายุสัมปทานฟรีทีวีปัจจุบัน สามารถนำคลื่นความถี่ดังกล่าวมาจัดสรรเป็น ทีวี ดิจิทัล ได้อีกราว 50 ช่อง
ดังนั้นรวมทั้งหมดน่าจะมี ทีวี ดิจิทัล ในประเทศไทยได้ประมาณ 100 ช่องสำหรับรูปแบบการประมูลใบอนุญาตช่องรายการ จะแยกประเภทเป็นช่องทีวีสาธารณะ ชุมชนประมาณ 10 ช่อง หรือ 20% ตามกฎหมาย ที่เหลือเป็นช่อง เด็ก สารคดี บันเทิง วาไรตี้ โดยช่องรายการประเภทสารประโยชน์ จะกำหนดราคาประมูลใบอนุญาตต่ำกว่าช่องบันเทิง
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจฟรีทีวี ปัจจุบันทุกราย สามารถเข้าร่วมประมูลใบอนุญาตทีวี ดิจิทัล ได้เช่นกัน ด้านการเปลี่ยนแปลงเครื่องรับทีวีของครัวเรือนไทยกว่า 20 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ รัฐบาลและ กสทช. จะต้องสนับสนุนการ ติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณ (Set Top Box) ในครัวเรือนที่ไม่มีกำลังซื้ออุปกรณ์ดังกล่าว ปัจจุบันราคากล่องละ 1,500-2,000 บาท แต่คาดว่าในช่วงที่กำหนดการยกเลิก ทีวี อนาล็อก คือ ก่อนจะสิ้นอายุสัมปทานฟรีทีวีที่เหลือเวลาอีก 10 ปี ซึ่งแนวทางการสนับสนุนเซต ท็อป บ็อกซ์ น่าจะอยู่ในช่วง 2-3 ปี สุดท้ายก่อนสิ้นสัมปทาน คาดว่าเมื่อถึงช่วงนั้นราคาอุปกรณ์น่าจะอยู่ที่กล่องละ 300-500 บาท โดย กสทช. สามารถใช้เงินจาก กองทุนวัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เข้ามาสนับสนุนได้

