สสค.พบจำนวนเด็กยากจนลดอย่างน้อย 20% หลังใช้แผนที่ GIS เจาะรายบุคคล
รองนายกฯประจิน วางเป้าพัฒนาคนลดความเหลื่อมล้ำ สู่ไทยแลนด์ 4.0 ด้วยระบบสารสนเทศบูรณาการเชื่อมข้อมูลหน่วยงาน สสค.พบข้อมูลจำนวนเด็กยากจนลดอย่างน้อย 20% ด้วยการใช้แผนที่ GIS –ระบบสารสนเทศ เจาะเด็กรายบุคคล
เมื่อเร็วๆนี้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่เพื่อมอบนโยบายและกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค (สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อุดรธานี หนองคาย) ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรสิ่งแวดล้อม คมนาคมและการศึกษา โดยรองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่เชื่อมกับการศึกษาว่า ต้องมีการพัฒนาทุกช่วงวัย ไม่ใช่เฉพาะเด็ก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้คนในพื้นที่ให้มีความรู้สามารถประกอบอาชีพให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย และย้ำว่า หากคนมีคุณภาพก็จะช่วยสนับสนุนให้เกิด New S-curve เพื่อนำไปสู่เป้าหมายไทยแลนด์ 4.0 "เราต้องให้ความสำคัญกับการศึกษาในทุกระดับ ทั้งในส่วนวิชาการและวิชาชีพ แต่ท่านนายกรัฐมนตรีก็มีประเด็นข้อห่วงใยว่า ทำอย่างไรให้เด็กที่จบสายอาชีพแล้วสามารถประกอบอาชีพในจังหวัด ฉะนั้นทุกภาคส่วนต้องบูรณาการร่วมกัน ให้หน่วยงานมีตำแหน่งรองรับกำลังคนในพื้นที่ กศจ.และทางอบจ.จึงจำเป็นต้องทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ต้องจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่ มิใช่จัดการศึกษาตามความพร้อมของผู้สอน ฉะนั้นกระทรวงศึกษาต้องยกระดับให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนมากขึ้น ต้องหาความรู้นอกห้องเรียน เพื่อให้ก้าวทันยุคสมัย"
ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิจัยและนโยบาย สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) กล่าวสรุปความก้าวหน้าโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อหลักประกันโอกาสทางการเรียนรู้ 3 ประการ ดังนี้ 1) เพื่อให้การจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนถึงตัวนักเรียนยากจนจริงเป็นรายบุคคลได้เต็มตามสิทธิอย่างมีประสิทธิภาพ 2) การคัดกรองนักเรียนที่ไม่ยากจนออก จะช่วยให้เหลือเงินงบประมาณในการสนับสนุนนักเรียนที่ยากจนจริงได้มากขึ้น 3) ระบบคัดกรองนี้จะขยายผลครอบคลุมการดูแลนักเรียนด้อยโอกาสประเภทอื่นๆ และสร้างหลักประกันโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียนทุกคนจนสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ในที่สุด “ประเทศไทยพบนักเรียนยากจนในการศึกษาภาคบังคับ ภายใต้การดูแลสพฐ.จำนวน 2.86 ล้านคน (ราว 57%ของนักเรียนทั้งหมด) ซึ่งมีงบประมาณเพียง 2,500 ล้านบาท แต่ช่วยนักเรียนยากจนได้เพียง 1.7 ล้านบาท (ราว 35% ของนักเรียนทั้งหมด) จึงเป็นที่มาในความร่วมมือของสพฐ. สสค. ม.ธรรมศาสตร์และม.นเรศวรในการออกแบบเครื่องมือคัดกรองเด็กยากจนผ่านระบบสารสนเทศ เพื่อสนับสนุนการคัดกรองเด็กยากจนเป็นรายบุคคล (Data Management Center/DMC) โดยทดรองใช้ใน 10 จังหวัดนำร่อง ครอบคลุมโรงเรียน 5,000 แห่ง (ก.ยฺ-ต.ค.59) พร้อมทั้งจะขยายผลทั่วประเทศภายในปีการศึกษา 2560”
นายเพิ่มพูน พงษ์พวงเพชร ผอ.สพป.นครพนมเขต 1 กล่าวว่า นักเรียนภาคบังคับ (ป.1-ม.3) ในจังหวัดนครพนมมีจำนวน 72,942 คน เมื่อใช้ระบบสารสนเทศคัดกรอก DMC แบบใหม่พบ จำนวนเด็กยากจนลดลงราว 20% จากเดิม 56,415 คนเป็น 44,588 คน ซึ่งในฐานะกศจ.พบว่าข้อมูลเด็กยากจนนี้มีประโยชน์สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครพนมจะนำข้อมูลไปใช้ใสการวางแผนในการช่วยเหลือเด็กยากจน มีมาตรการส่งเสริมเด็กกลุ่มนี้ให้มีอาชีพสามารถเลี้ยงตนเองและศึกษาต่อได้