โฆษกกลาโหมแนะคสช.เปิดเวทีไกล่เกลี่ยสางปมขัดแย้ง
โฆษกกลาโหมแนะคสช.เปิดเวทีไกล่เกลี่ยสางปมขัดแย้ง ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีโอกาสพูดคุย เข้าไปบริหารจัดการความขัดแย้งด้านผลประโยชน์
เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ที่กระทรวงกลาโหม พล.ต.คงชีพ ตันตระวานิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความปรองดอง แถลงสรุปภาพรวมการพูดคุยเสนอแนวทางปรองดองภายหลังที่ภาคประชาสังคม 11 กลุ่ม ประกอบไปด้วย สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) สถาบันอนาคตการศึกษาเพื่อการพัฒนา ภาคีเครื่อข่ายเพื่อการต่อการทุจริตคอรัปชั่น มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่า และพันธุ์พืชแห่งชาติ มูลนิธิสืบ นาคเสถียร เครือข่ายยุวทัศน์แห่งประเทศไทย สถาบันสิทธิมนุษยชน และสันติศึกษา สภาทนายความในพระบรมราชาชูปถัมภ์ กรมคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ และมูลนิธิกระจกเงา เข้ามาร่วมเสนอแนวทางปรองดองต่อ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ในชุดคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ระหว่างวันที่ 20-22 มี.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า ทุกกลุ่มมองว่าความขัดแย้งและความเหลื่อมล้ำเป็นเรื่องปกติ และมีการเสนอว่าทุกคนต้องเคารพและไม่ละเมิดสิทธิดังนั้นต้องให้การศึกษา ให้ความรู้ ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมควบคู่กันไป เพื่อสร้างเด็กรุ่นใหม่ขึ้นมาให้มีจิตสำนึก ขณะที่ฝ่ายรัฐต้องเข้าไปจัดการสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม ทั้งนี้ต้องมีจิตสำนึกว่าต้องขอโทษให้อภัยต่อกัน สำหรับการเลือกตั้ง ภาคประชาสังคมมองว่าเป็นเพียงกระแสนิยมที่เสนอผ่านสื่อ ซึ่งประชาชนไม่สามารถแยกแยะด้วยตนเองได้ว่าใครดีหรือไม่ดี สะท้อนให้ว่าการศึกษามีความสำคัญโดยหลักสูตรการศึกษาควรพัฒนาให้ทันสมัยพร้อมยึดภูมิปัญหาท้องถิ่น
"นอกจากนี้ได้เสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารความขัดแย้งที่ใช้ความรุนแรง ด้วยการเจรจาไกล่เกลี่ย เปิดเวทีพูดคุยกัน เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีโอกาสพูดคุยบ่อยๆ รวมทั้งให้คสช.เข้าไปบริหารจัดการความขัดแย้งด้านผลประโยชน์" พล.ต.คงชีพ กล่าว
เมื่อถามว่า องค์กรภาคประชาสังคมทั้ง11 องค์กร มองความขัดแย้งมากจาก ปัจจัยด้านการเมือง หรือไม่ พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างฟังความคิดเห็นยังไม่อยากสรุปขอเวลาให้คณะทำงานรวบรวมข้อมูลให้ตกผลึกก่อน ทั้งนี้ในวันที่ 24 มี.ค.นี้จะเชิญสมาคมอนุรักษ์ดิน และน้ำแห่งประเทศไทย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กลุ่มปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน และสมาคมพัฒนาประชากร และชุมชน เข้าร่วมพูดคุย

