“ปองพล” เสนอแผนจัดการน้ำเบ็ดเสร็จ ตั้งโรงสูบเขื่อนป่าสักดึงน้ำออกทะเล
อดีตรมว.เกษตร หนุนทำแก้มลิง 2 ล้านไร่ หวั่นรบ.ไม่มีแผนระบายน้ำออก น้ำท่วมแน่ ถามเตรียมพร้อมอะไรไว้บ้าง พร้อมมองสร้างแก่งเสือเต้นไม่สำคัญเท่า “แม่น้ำสาขา” ของแม่น้ำยม
วันที่ 16 กุมภาพันธ์ นายปองพล อดิเรกสาร อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวกับ ศูนย์ข้อมูลข่าวสารนโยบายสาธารณะ ถึงข้อเสนอในการบริหารจัดการน้ำในปีนี้ว่า เท่าที่ตนได้ติดตามแผนของรัฐบาล ก็เห็นด้วยในการจัดหาแก้มลิง หรือพื้นที่รับน้ำ 2 ล้านไร่ แต่มีข้อสงสัยว่า หากไม่สำเร็จ หรือหากน้ำล้นจะรับมืออย่างไรต่อไป
“ปัญหาจากการทำแก้มลิง คือ ภายหลังจากนั้นจะระบายน้ำออกอย่างไร และระบายไปไหนบ้าง ที่จะไม่กระทบต่อพื้นที่ใกล้เคียง นี่คือสิ่งที่รัฐบาลยังไมได้พูดถึง ผมมองว่า การเตรียมตัวในปีนี้ ของรัฐบาลมีข้อด้อย 2 เรื่อง คือ 1.การฝึกอบรมข้าราชการฝ่ายปฏิบัติ ในยามเกิดภัยพิบัติ ทั้งรัฐวิสาหกิจและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะต้องมีการอบรมอย่างเข้มข้น ในยามที่เกิดปัญหา ว่าจะรับมือและช่วยเหลือชาวบ้านอย่างไร 2.การสื่อสารกับประชาชน ที่ไม่มีการฝึกซ้อม และเตรียมอุปกรณ์เลย”
นายปองพล กล่าวต่อว่า รัฐบาลสามารถถอดบทเรียนจากสถานการณ์น้ำท่วมปีที่แล้วได้ว่า อะไรบ้างที่ชาวบ้านต้องการ เช่น เรือท้องแบน น้ำดื่ม ส้วมฉุกเฉิน ไฟฟ้าส่องสว่าง ทั้งไฟฉาย รองเท้าบู๊ต ของใช้จำเป็นต่างๆ หรือระบบโซลาร์เซลล์หากมีความจำเป็นต้องตัดไฟฟ้า เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาเตรียม ตนจึงอยากตั้งคำถามว่า ขณะนี้รัฐบาลคิดและเตรียมพร้อมเรื่องเหล่านี้ไว้แล้วหรือยัง
“เมื่อรัฐบาลหรือคณะกรรมการชุดต่างๆ ยืนยันว่า อย่างไรน้ำก็ต้องท่วม ฉะนั้น เวลานี้นอกจากแผนบริหารจัดการน้ำแล้ว รัฐบาลจะต้องมีแผนในการเตรียมตัว และเตรียมพร้อมได้แล้ว ซึ่งของจำเป็นต่างๆ นี้สามารถเก็บไว้ได้ไม่เสียหาย ดีกว่าถึงเวลาจะใช้แล้วไม่มีจะเป็นปัญหาใหญ่ อีกทั้ง เรื่องศูนย์รองรับผู้ประสบอุทกภัย และการช่วยเหลือสัตว์ ก็ได้รับบทเรียนจากปีที่แล้วว่า ประสบปัญหามาก เนื่องจากไม่ทันได้เตรียมตัว ทั้งหมดนี้ควรเตรียมพร้อมเพราะเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา”นายปองพล กล่าว และว่า การที่รัฐบาลบอกว่า ปีนี้ถึงน้ำจะท่วมแน่นอน แต่จะไม่ท่วมมากเท่าปีที่แล้ว หรือท่วมเฉาพะบางพื้นที่อย่างควบคุมได้นั้น จึงเห็นว่า “นั่นไม่ใช่คำตอบ” พร้อมยกตัวอย่าง ปีที่แล้วโรงงานของตนถูกน้ำท่วม 2 เมตร ครั้งนี้อาจจะให้ท่วม 1.80 เมตรคงไม่ได้ เพราะไม่ใช่การแก้ปัญหา ดังนั้น รัฐบาลต้องคิด การแก้ปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ คือ น้ำต้องไม่ท่วมเลย
“ผมคิดว่ายังมีวิธีจัดการน้ำที่ทำได้ทัน และน้ำจะไม่ท่วมเลยได้ โดยการตั้งโรงสูบ ใต้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์และดึงน้ำออกทะเล วิธีนี้จะทำได้เร็ว อีกทั้ง ดินฟ้าอากาศก็จะไม่เป็นอุปสรรคเหมือนกับการขุดลอกคลอง เวลานี้โรงงานหลายแห่งกำลังเร่งฟื้นฟูด้วยเงินประกัน ทั้งรายเล็ก ไปจนถึงรายใหญ่ๆ แต่ก็ฟื้นฟูกันด้วยความเป็นห่วงว่า หากปีนี้น้ำท่วมอีก ประกันคงไม่มาไล่จ่ายให้แล้ว นี่คือสิ่งที่ผมเป็นห่วงว่า รัฐบาลจะประกันหรือสร้างความมั่นใจส่วนนี้ให้ผู้ประกอบการได้หรือไม่”
สำหรับข้อเสนอให้มีการสร้างเขื่อนในแม่น้ำยม เช่น เขื่อนแก่งเสือเต้น เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมนั้น นายปองพล กล่าวว่า เนื่องจากแม่น้ำยม เป็นพื้นที่ลาดชันสูงและลาดเร็ว แต่ก็มี "แม่น้ำสาขา" ที่สามารถช่วยลดปริมาณน้ำในแม่น้ำยมได้ โดยจัดทำอ่าง หรือเขื่อนกักน้ำ เพื่อชะลอไม่ให้น้ำไหลลงสู่แม่น้ำยมมากนัก
“การจะสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นที่เป็นเขื่อนขนาดใหญ่ อาจติดปัญหาการอนุรักษ์ ผมจึงมองว่า การแก้ปัญหาแม่น้ำยม ประเด็นหลักสำคัญอยู่ที่แม่น้ำสาขาที่ไหลลงแม่น้ำยม เช่นเดียวกับ แม่น้ำหลายสายที่ไหลลงมาสมทบแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะช่วยลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่แม่น้ำยมได้เหมือนกับการสร้างเขื่อนขนาด ใหญ่ อย่างไรก็ตาม เห็นด้วยว่าควรจะต้องมีการชะลอน้ำจากแม่น้ำยม เพราะมีความลาดชัดสูงมาก หากปล่อยให้น้ำมีปริมาณมาก เมื่อไหลลงจะไปอย่างรวดเร็ว ควบคุมได้ยาก”
ปองพล อดิเรกสาร ฉบับเต็มได้ เร็วๆ นี้
