นัดสืบพยานคดีปีนสภา ปากแรก มีชัย ฤชุพันธุ์ 21 ก.พ. นี้
จากเหตุการณ์ในปี 2550 ที่ผู้ชุมนุมนับพันคัดค้านการเร่งผ่านกฎหมายของสภานิติบัญญัติแห่งชาติซึ่งเป็นสภาที่ถูกแต่งตั้งขึ้นหลังจากการรัฐประหารในปี 2549 โดยผู้ชุมนุมได้ปีนรั้วเข้าไปภายในอาคารรัฐสภา ส่งผลให้สำานักงานเลชาธิการวุฒิสภาแจ้งความฟ้องร้องนายจอน อึ๊งภากรณ์ และพวกซึ่งประกอบด้วยนักพัฒนาองค์กรเอกชน นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนด้านต่างๆ รวม 10 คน
ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 9.00 เป็นต้นไป ณ ศาลอาญารัชดาภิเษก ห้อง 801 มีการสืบพยานโจทก์วันแรก โดยนายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานสนช. จะให้การในฐานะพยานโจทก์ปากที่หนึ่ง และยังมีนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ และนางเตือนใจ ดีเทศน์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติมาให้การในฐานะพยานโจทก์ด้วย
คดีดังกล่าว ศาลรับฟ้องเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2553 เป็นคดีดำาที่ อ.4383/2553 ฟ้องร้องว่าผู้ชุมนุมละเมิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 (กระทำาการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล สร้างความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน) มาตรา 215 (มั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง) มาตรา 362 (เข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น) มาตรา 364 (เข้าไปในเคหะสถานโดยไม่มีเหตุอันควรและไล่ไม่ยอมออก) มาตรา 365 (ใช้กำาลังประทุษร้ายหรือขู่ว่าจะประทุษร้ายในการกระทำาตามมาตรา 362, 364)
นายจอน อึ๊งภากรณ์ อดีตประธานมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม อดีตประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน และเคยได้รับรางวัลแมกไซไซ สาขาบริการภาครัฐ เป็นจำเลยที่หนึ่งในคดีนี้ และผู้ถูกกล่าวหาอีก 9 คนได้แก่ นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพพนักงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) นายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพพนักงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นายพิชิต ไชยมงคล นายอนิรุทธ์ ขาวสนิท นายนัสเซอร์ ยีหมะ นายอำานาจ พละมี นายไพโรจน์ พลเพชร กรรมการปฏิรูปกฎหมาย และประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และนางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กสทช.
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมในครั้งนั้นมาจากหลากหลายกลุ่มรวมราวพันคน เพราะเห็นว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติไม่สมควรและไม่มีความชอบธรรมเร่งผลักดันกฎหมายใดๆ อีกทั้งช่วงการชุมนุมดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนจะมีการเลือกตั้งใหม่ราวสองสัปดาห์ และได้มีประกาศพระราชกฤษฎีกากำาหนดการเลือกตั้ง ซึ่งสนช. ไม่ควรและไม่มีความชอบธรรมในพิจารณากฎหมายอีกแล้ว และเนื้อหากฎหมายเหล่านั้นก็ขัดต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ผู้ชุมนุมเข้าไปชุมนุมบริเวณด้านหน้าห้องประชุมรัฐสภาเพื่อขอให้ สนช.ยุติการพิจารณากฎหมายเหล่านั้นและเคารพเสียงของประชาชนเนื่องจากได้มีการกำาหนดวันเลือกตั้งแล้วจึงควรให้ผู้ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเป็นผู้
พิจารณากฎหมายตามหลักการประชาธิปไตยต่อไป
ทั้งนี้ ตัวอย่าง กฎหมายที่ผู้ชุมนุมคัดค้าน ได้แก่
• ร่างกฎหมายการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักรมีสาระสำาคัญเป็นการขยายอำานาจให้กองทัพควบคุมสังคม โดยปราศจากการตรวจสอบจากสถาบันตุลาการ
• ร่างกฎหมายป่าชุมชน มีสาระสำาคัญเป็นการกำาหนดเงื่อนไขตัดสิทธิการมีส่วนร่วมของชุมชนในการ
จัดการป่าชุมชน
• ร่างกฎหมายว่าด้วยทรัพยากรน้ำ มีสาระสำาคัญให้รัฐมีอำานาจบริหารจัดการน้ำแบบเบ็ดเสร็จใน 3 รูปแบบ คือรูปแบบการพัฒนาแหล่งน้ำ การผันน้ำการทำาลายสิ่งกีดขวางทางน้ำในยามน้ำท่วม รูปแบบการบริหารจัดการหรือการใช้น้ำและรูปแบบการกำาหนดการใช้ที่ดิน รวมทั้งไม่รับรองสิทธิของชุมชนที่จัดการน้ำที่มีอยู่เดิม
• ร่างกฎหมายการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ มีสาระสำาคัญเป็นการให้หน่วยงานรัฐเป็นเจ้าของสื่อวิทยุโทรทัศน์อยู่เช่นเดิม และการให้รัฐมีอำานาจควบคุม หรือห้ามเสนอข่าวสารโดยการสั่งการด้วยวาจา หรือหนังสือระงับรายการที่เสนอผ่านสื่อสาธารณะ
• ร่างกฎหมายว่าด้วยเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การแปลงสภาพรัฐวิสาหกิจมีสาระสำาคัญเป็นการให้อำนาจรัฐนำารัฐวิสาหกิจเปลี่ยนสภาพให้เป็นบริษัทจำากัด หรือบริษัทมหาชนจำากัด และการกระจายหุ้นแก่เอกชน อันเป็นการเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มทุนทั้งภายในและภายนอกประเทศ และทำาให้ประชาชนเสียสิทธิที่จะเข้าถึงสาธารณูปโภคและสาธารณูปการที่จำาเป็นต่อการดำารงชีวิต
• ร่างกฎหมายมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ มีสาระสำาคัญเป็นการแปรรูปมหาวิทยาลัยออกนอกระบบเข้าสู่การบริหารโดยอาศัยกลไกตลาด
สำาหรับกำาหนดการพิจารณาคดี ฝ่ายโจทก์นัดสืบพยานทั้งสิ้น 24 ปาก ตั้งแต่วันที่ 21-24, 28-29
กุมภาพันธ์ และ 1-2, 13-16 มีนาคม 2555 ฝ่ายจำาเลยนัดสืบพยานทั้งสิ้น 24 ปาก ตั้งแต่วันที่ 20-23, 27-30
มีนาคม และ 3,5 และ 10 เมษายน 2555 ณ ห้องพิจารณาคดี 801 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก