นัก กม.สิทธิฯยื่นศาลอุทรณ์ยกฟ้อง“คดีอากง”-7 นักวิชาการมหา’ลัยดัง ร่วมประกันตัว
เครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ยื่นศาลอุทรณ์ยกฟ้อง “คดีอากง” ระบุเลขอีมี่ใช้เป็นหลักฐานพิสูจน์ความผิดไม่ได้ และพบพิรุธในกระบวนการสืบสวน 7 นักวิชาการมหา'ลัยดังร่วมลงชื่อประกันตัว
วันที่ 20 ก.พ.55 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ทนายความจากเครือข่ายนักกฏหมายสิทธิมนุษยชน นำโดย อานนท์ นำภา และ นางพูนสุข พูนสุขเจริญ ได้ยื่นอุทธรณ์และขอประกันตัวในคดีที่นายอำพล ต. หรือที่รู้จักในชื่อ “อากง” ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 20 ปี ในข้อหาส่งข้อความสั้น 4 ข้อความไปยังโทรศัพท์ของนายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข เลขานุการส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นข้อความที่เข้าข่ายหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และพระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
คดีดังกล่าวมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 23 พ.ย.54 เป็นเลขคดีแดงที่ อ.4726/2554 คำพิพากษาศาลชั้นต้นชี้ว่าข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ที่ได้จากบริษัทโทเทิลแอ็คเซสคอมมูนิเคชั่นจำกัด (มหาชน) (ดีแทค) และ บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่นจำกัด(มหาชน) นั้นมีความน่าเชื่อถือเพราะหากจัดเก็บไม่ถูกต้องจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือและอาจเสียประโยชน์ทางธุรกิจ และชี้ว่าประเด็นต่อสู้ของจำเลยที่ว่าเลขอีมี่เปลี่ยนแปลงได้ แต่จำเลยกลับไม่สามารถหาตัวผู้เชี่ยวชาญมายืนยันได้
ศาลยังชี้ว่านายอำพลรับว่าใช้โทรศัพท์เครื่องนี้อยู่ผู้เดียว และเชื่อว่าผู้กระทำผิดใช้ซิมการ์ดสองเลขหมาย เลขหมายหนึ่งเป็นของนายอำพล อีกเลขหมายหนึ่งเป็นหมายเลขที่ปรากฏว่าส่งข้อความไปยังโทรศัพท์ของนายสมเกียรติ ทั้งนี้ประวัติการใช้งานชี้ว่าซิมการ์ดทั้งสองถูกใช้งานเวลาใกล้เคียงกัน แต่ไม่เคยถูกใช้งานเวลาที่ซ้ำกัน ทั้งยังส่งจากย่านที่จำเลยพักอาศัย ศาลยังระบุว่าแม้โจทก์ไม่สามารถสืบพยานให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าจำเลยเป็นผู้ส่งข้อความจริง แต่เพราะเป็นการยากที่จะสามารถนำสืบได้ด้วยประจักษ์พยาน เนื่องจากจำเลยเป็นผู้กระทำผิดจึงย่อมปกปิดการกระทำของตน การพิพากษาคดีจึงจำต้องอาศัยประจักษ์พยานแวดล้อมที่โจทก์นำสืบเพื่อชี้ให้เห็นเจตนาที่อยู่ภายใน
ทั้งนี้การยื่นอุทรณ์ในวันที่ 20 ก.พ.55 นี้ ทนายความได้ย้ำประเด็นที่ว่าเพียงลำพังหมายเลขอีมี่ไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานพิสูจน์ความผิดได้ เพราะสามารถแก้ไขได้ง่าย อีกทั้งจากพยานเอกสารของโจทก์ยังปรากฏชัดว่าระบบการเก็บข้อมูลการส่งข้อความสั้นของบริษัทดีแทคไม่สามารถตรวจสอบหมายเลขอีมี่ได้ ซึ่งมิได้เป็นไปตามที่พยานโจทก์มาเบิกความ และในชั้นอุทธรณ์นี้ทนายความได้ยื่นคำร้องขอสืบพยานเพิ่มเติมโดยอ้างความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านโทรศัพท์มือถือจากประเทศเยอรมนี
นอกจากนี้กระบวนการสอบสวนยังมีข้อพิรุธ เพราะลำดับของวันที่ในเอกสารสลับกันไปมาไม่เป็นไปตามขั้นตอนการสืบสวนดังที่เจ้าหน้าที่สืบสวนเบิกความไว้ จึงแสดงให้เห็นว่าเป็นการสืบสวนที่มุ่งเป้ามาที่ตัวจำเลย ไม่ได้สืบสวนจากพยานหลักฐานตามเหตุตามผล โจทก์จึงไม่สามารถพิสูจน์ให้สิ้นสงสัยได้อย่างแน่ชัดว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิด ซึ่งตามหลักวิธีพิจารณาความอาญาต้องยกประโยชน์ความสงสัยให้จำเลย และขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
ทั้งนี้นายอำพลถูกจับกุมตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.53 และถูกคุมขัง 2เดือนก่อนศาลจะอนุญาตให้ประกันตัว แต่เมื่อนายอำพลไปรายงานตัวเพื่อรับทราบคำสั่งฟ้องของอัยการในวันที่ 18 ม.ค.54 ศาลก็ไม่อนุญาตให้ประกันตัวอีกด้วยเหตุที่ว่าเกรงจำเลยจะหลบหนี โดยในวันยื่นอุทธรณ์ 20 ก.พ. 55 นี้ทนายความได้ยื่นขอประกันตัวอีกครั้ง โดยมีนักวิชาการจำนวน 7 คนเป็นนายประกัน เช่น ผศ.บุญส่ง ชัยสิงห์กานนท์ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, ผศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ผศ.ดร.ยุกติ มุกดาวิจิตร คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นต้น พร้อมกับเงินสดจำนวนหนึ่งจากกองทุนยุติธรรม กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
นอกจากนี้นางรสมาลิน ภรรยาของนายอำพล ได้อดข้าวประท้วงเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐานในการได้รับการประกันตัว ตั้งแต่เวลา 8.00 น.วันที่ 19 ก.พ. ถึง 8.00 น. ของวันจันทร์ที่ 20 ก.พ.นี้ ทั้งนี้คดีนายอำพลอยู่ในความดูแลของเครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นการรวมตัวของนักกฎหมายรุ่นใหม่ที่ทำงานโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายจากลูกความ .
ที่มาภาพ : http://news.mthai.com/hot-news/144939.html
.
