“เรือดำน้ำ คสช.” กับ “เรือดำน้ำคณะราษฎร” ความเหมือนที่มากกว่าที่คิด
โครงการเรือดำน้ำที่เพิ่งผ่านการงุบงิบอนุมัติไปเมื่อสัปดาห์ก่อน นับเป็นฝันที่เป็นจริงครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่กองทัพเรือจะได้มีเรือดำน้ำประจำการ แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กองทัพเรือจะมีเรือดำน้ำ และหากมองย้อนไปในอดีตจะเห็นความเหมือนกับโครงการเรือดำน้ำในยุครัฐบาล คสช. มากกว่าที่คิด

เมื่อกว่า 80 ปีที่แล้ว รัฐบาลคณะราษฎรได้อนุมัติโครงการซื้อเรือดำน้ำจากญี่ปุ่นในปี 2478 เพียง 3 ปีหลังการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี 2475 โดยเป็นความสำเร็จครั้งแรกหลังจากที่กองทัพเรือได้มีความพยายามจัดหาเรือดำน้ำมากว่า 20 ปีก่อนหน้านั้น ตั้งแต่เอกสารโครงการจัดสร้างกำลังทางเรือ พ.ศ. 2453 ของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งทหารเรือเทิดทูนให้เป็น “บิดาของกองทัพเรือ” เป็นผู้ริเริ่มความคิดการมีเรือดำน้ำคนแรกแห่งสยามประเทศ และรายงานความเห็นเรื่องเรือ ส. พ.ศ. 2458 ของกรมหลวงสงขลานครินทร์ แต่ก็ถูกคัดค้านมาโดยตลอด เทียบกับโครงการเรือดำน้ำในปัจจุบันที่รัฐบาล คสช. งุบงิบอนุมัติสำเร็จในปี 2560 เป็นเวลาเพียง 3 ปีภายหลังจากการทำรัฐประหารเมื่อปี 2557 และนับเป็นความสำเร็จของความพยายามจัดหาเรือดำน้ำในยุคปัจจุบัน หลังจากที่กองทัพเรือได้เริ่มเสนอโครงการเรือดำน้ำ A19 จากสวีเดนสมัยปี 2538 หรือกว่า 20 ปีที่แล้ว
นอกจากนี้ตัวเลือกของประเทศผู้ผลิตเรือดำน้ำก็มีความเหมือนกันอย่างน่าประหลาดใจ โดยโครงการเรือดำน้ำเมื่อปี 2478 เป็นการซื้อเรือดำน้ำจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นมหาอำนาจใหม่ในเอเชียที่พยายามขยายบทบาทในภูมิภาคแทนประเทศเจ้าอาณานิคมตะวันตก จนกระทั่งเลยเถิดไปเป็นสงครามมหาเอเชียบูรพาที่อ้างว่าเป็นการร่วมวงศ์ไพบูลย์เพื่อปลดปล่อยประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากการเป็นอาณานิคมของตะวันตก
ไม่ต่างจากโครงการเรือดำน้ำปัจจุบันที่เลือกซื้อจากจีน ซึ่งเป็นมหาอำนาจใหม่ในเอเชียที่ต้องการขยายบทบาทในภูมิภาคและกำลังท้าทายมหาอำนาจตะวันตกเดิมอย่างสหรัฐอเมริกา จนเริ่มมีเหตุกระทบกระทั่งกันในทะเลจีนใต้ซึ่งอาจเลยเถิดเป็นสงครามอีกก็ได้
ด้วยเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่า ท่าน ป. ผู้อยู่เบื้องหลัง คอยผลักดันเรือดำน้ำมาโดยตลอดนั้น คือผู้มากบารมีตัวจริงแห่งยุคนี้ คุณวาสนา นาน่วม ถึงขนาดตั้งสมญาว่าเป็น “บิดาแห่งเรือดำน้ำจีน”


และอาจกล่าวได้ว่า พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังรัฐบาล คสช. ได้กลายเป็น “บิดาของโครงการเรือดำน้ำจีน” อย่างเต็มตัว เทียบได้กับรัฐบาลคณะราษฎรที่เป็น “บิดาของโครงการเรือดำน้ำญี่ปุ่น” สมัยพระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อกว่า 80 ปีที่แล้ว
(พระยาพหลฯ เป็นหัวหน้าคณะราษฎรตัวจริง แต่อยู่เบื้องหลังและให้พระยามโนปกรณ์นิติธาดาขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกก่อนเมื่อปี 2475 แล้วจึงทำรัฐประหารมาเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเองในปี 2476)
