โปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ทางการ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2560 ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560 เป็นปีที่ 2 ในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการในพระองค์
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคําแนะนําและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติทําหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560”
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้
“พระราชกฤษฎีกา” หมายความว่า พระราชกฤษฎีกาที่ตราขึ้นตามมาตรา 15 วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา 4 การจัดระเบียบบริหารราชการในพระองค์ ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัยตามพระราชบัญญัตินี้การจัดระเบียบราชการในพระองค์และการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์และสถานภาพของข้าราชการในพระองค์ ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัยตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกฤษฎีกา ส่วนราชการในพระองค์ไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินและไม่เป็นหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายอื่นใด ทั้งนี้ เว้นแต่ที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะในพระราชบัญญัตินี้หรือในพระราชกฤษฎีกาส่วนราชการในพระองค์ส่วนราชการใดจะมีฐานะเป็นนิติบุคคลให้ระบุไว้ในพระราชกฤษฎีกาด้วย
บรรดาบทกฎหมายใดที่บัญญัติถึงคําว่าข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ มิให้หมายความรวมถึงข้าราชการในพระองค์ ทั้งนี้ เว้นแต่ที่บัญญัติไว้ โดยเฉพาะในพระราชบัญญัตินี้หรือในพระราชกฤษฎีกา
มาตรา 5 ให้คณะรัฐมนตรีดําเนินการจัดสรรงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนให้แก่ส่วนราชการในพระองค์ เพื่อปฏิบัติภารกิจด้านต่าง ๆ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนดในพระราชกฤษฎีกาให้ส่วนราชการในพระองค์ มีอํานาจปกครอง ดูแล บํารุงรักษา ใช้ประโยชน์ หรือดําเนินการอื่นใดเกี่ยวกับทรัพย์สินของส่วนราชการในพระองค์เพื่อให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัยรายได้ของส่วนราชการในพระองค์ไม่ต้องนําส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินทรัพย์สินของส่วนราชการในพระองค์ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี และผู้ใดจะยกอายุความขึ้นอ้างกับทรัพย์สินของส่วนราชการในพระองค์มิได้ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐมีหน้าที่สนับสนุนภารกิจของส่วนราชการในพระองค์ตามที่ได้รับแจ้งจากส่วนราชการในพระองค์
มาตรา 6 เมื่อพระราชกฤษฎีกาใช้บังคับแล้ว ให้ยกเลิก
(1) มาตรา 46 (1) และ (2) แห่งพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545
(2) ลักษณะ 5 ข้าราชการพลเรือนในพระอง์ และมาตรา 127 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
(3) มาตรา 10 (3) และ (4) มาตรา 14 มาตรา 14/1 และมาตรา 42 (6) (7) และ (8)แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
มาตรา 7 เมื่อพระราชกฤษฎีกาใช้บังคับแล้ว
(1) ให้โอนบรรดากิจการ อํานาจหน้าที่ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สิน และเงินงบประมาณของสํานักราชเลขาธิการและสํานักพระราชวังตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ที่มีอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ ไปเป็นของส่วนราชการในพระองค์ตามที่กําหนดในพระราชกฤษฎีกาและให้โอนข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง และผู้ปฏิบัติงานอื่นซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในสํานักราชเลขาธิการและสํานักพระราชวัง ที่มีอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ ไปเป็นข้าราชการในพระองค์ พนักงานลูกจ้าง หรือผูู้ปฏิบัติงานอื่นในส่วนราชการในพระองค์ตามที่กําหนดในพระราชกฤษฎีกา
(2) ให้โอนบรรดากิจการ อํานาจหน้าที่ และทรัพย์สิน ของกรมราชองครักษ์ กระทรวงกลาโหมตามกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ที่มีอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกาใช้บังคับไปเป็นของส่วนราชการในพระองค์ตามที่กําหนดในพระราชกฤษฎีกา และให้โอนอัตรากําลังพล และข้าราชการและผู้ปฏิบัติงานอื่นซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในกรมราชองครักษ์ กระทรวงกลาโหม ที่มีอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ ไปเป็นอัตรากําลังพล และข้าราชการในพระองค์หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นในส่วนราชการในพระองค์ ตามที่กําหนดในพระราชกฤษฎีกา ส่วนเงินงบประมาณ สิทธิ และหนี้สินของกรมราชองครักษ์กระทรวงกลาโหม ที่มีอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ ให้โอนไปเป็นของสํานักงานปลัดกระทรวงกระทรวงกลาโหม เพื่อประโยชน์ของส่วนราชการในพระองค์ตามที่กําหนดในพระราชกฤษฎีกา เว้นแต่จะมีพระราชวินิจฉัยเป็นอย่างอื่น
(3) ให้โอนบรรดากิจการ อํานาจหน้าที่ ทรัพย์สิน สิทธิ และหนี้สิน ของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ กระทรวงกลาโหม ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ที่มีอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ ไปเป็นของส่วนราชการในพระองค์ตามที่กําหนดในพระราชกฤษฎีกา และให้โอนอัตรากําลังพล และข้าราชการและผู้ปฏิบัติงานอื่นซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ กระทรวงกลาโหม ที่มีอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ ไปเป็นอัตรากําลังพล และข้าราชการในพระองค์หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นในส่วนราชการในพระองค์ ตามที่กําหนดในพระราชกฤษฎีกา
(4) ให้โอนบรรดากิจการ อํานาจหน้าที่ ทรัพย์สิน สิทธิ และหนี้สิน ของสํานักงานนายตํารวจราชสํานักประจํา สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยตํารวจแห่งชาติ ที่มีอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ ไปเป็นของส่วนราชการในพระองค์ตามที่กําหนดในพระราชกฤษฎีกา และให้โอนตําแหน่งและอัตราเงินเดือนของข้าราชการตํารวจในสํานักงานนายตํารวจราชสํานักประจํา สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ที่มีอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ ไปเป็นตําแหน่งและอัตราเงินเดือนของข้าราชการในพระองค์ในส่วนราชการในพระองค์ตามที่กําหนดในพระราชกฤษฎีกา
มาตรา 8 เพื่อประโยชน์ในการได้รับบําเหน็จบํานาญ ให้ถือว่าข้าราชการในพระองค์เป็นข้าราชการตามกฎหมายว่าด้วยบําเหน็จบํานาญข้าราชการ หรือกฎหมายว่าด้วยกองทุนบําเหน็จบํานาญข้าราชการ แล้วแต่กรณี แต่การพ้นจากราชการให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย ทั้งนี้ เว้นแต่พระราชกฤษฎีกาจะกําหนดไว้เป็นอย่างอื่นการรับบําเหน็จบํานาญ การรับเงินเดือน เงินประจําตําแหน่ง และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ของข้าราชการในพระองค์ ให้เป็นไปตามที่กําหนดในพระราชกฤษฎีกา
มาตรา 9 ในวาระเริ่มแรก การใดที่สํานักราชเลขาธิการ สํานักพระราชวัง และกรมราชองครักษ์ หรือหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ กระทรวงกลาโหม และสํานักงานนายตํารวจราชสํานักประจํา สํานักงานตํารวจแห่งชาติ อยู่ในระหว่างการดําเนินการหรือเคยดําเนินการได้ตามกฎหมาย เมื่อได้โอนมาเป็นของส่วนราชการในพระองค์ตามพระราชบัญญัตินี้ให้ยังคงดําเนินการต่อไปตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น เว้นแต่จะมีพระราชวินิจฉัยหรือมีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้ดําเนินการเป็นอย่างอื่น
มาตรา 10 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ หมายเหตุการออกพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 ระบุว่า เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่สํานักราชเลขาธิการ สํานักพระราชวังและกรมราชองครักษ์และหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ กระทรวงกลาโหมเป็นส่วนราชการที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับราชการในพระองค์และพระราชกรณียกิจขององค์พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งต้องถวายงานตามโบราณราชประเพณีและพระราชอัธยาศัย การปฏิบัติราชการจึงแตกต่างจากส่วนราชการของฝ่ายบริหารทั่วไป กรณีจึงสมควรกําหนดฐานะของส่วนราชการดังกล่าวขึ้นใหม่ ให้เป็นส่วนราชการในพระองค์โดยปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อพระมหากษัตริย์ มีการจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลเป็นการเฉพาะให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย เพื่อให้การบริหารราชการในพระองค์เหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจของราชการในพระองค์ และสอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยจึงจําเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(อ่านพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 ฉบับเต็มที่นี่ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/048/1.PDF)
